สุรนันทน์ ชี้ รัฐบาล ประยุทธ์ มีจุดอ่อน เรื่องเศรษฐกิจ เหตุอยู่มานาน โดยชุดความคิดที่ นายสมคิด เคยวางไว้ในช่วงต้นของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ถูกสานต่ออย่างครบถ้วนเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางบุคลากรด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำให้แผนเศรษฐกิจต่างๆ ชะงักไป
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับ นายอุตตม สาวนายน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย มาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้าไปร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย แต่ช่วงประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ได้ตัดสินใจว่าน่าจะถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปช่วยงานอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศ
“ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาที่ผมหันมาทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ได้ทำการเมืองกับใคร เมื่อปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง และการที่เป็นผู้ประกอบการทำให้เห็นปัญหามากมาย จึงคิดว่าหากสามารถกลับเข้าไปช่วยได้ ทั้งการผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจในบางเรื่อง หรือเข้าไปช่วยงานในทางการเมืองบางเรื่อง พรรคสร้างอนาคตไทย จึงน่าเป็นพรรคที่น่าสนใจ”
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า รู้จักกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากว่า 30 ปี เมื่อนายสมคิด ชักชวน จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับทางพรรคสร้างอนาคตไทย
ส่วนที่สื่อออกไป ก็เป็นแฮชแท็กธรรมดาง่ายๆ แม้ว่า นายสมคิด จะยังไม่ประกาศตัวว่าจะกลับมาทำงานการเมืองหรือไม่ แต่ในใจของตน คนที่เหมาะสมที่สุดที่น่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งคือ นายสมคิด
“โจทย์ของปีนี้ และปีหน้าที่ชัดเจนคือ การวางแผนเรื่องเศรษฐกิจ นายสมคิด เป็นคนที่มีประสบการณ์สูง ผ่านมาทั้งรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแค่ นายสมคิด ยังไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่ง หากมีโอกาสที่ นายสมคิด จะได้เป็นเบอร์หนึ่ง หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ คิดว่า นายสมคิด มีประสบการณ์มากพอที่จะรู้ปัญหาและแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายสมคิด”
ส่วนตำแหน่งในพรรคสร้างอนาคตไทยนั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ขณะนี้เข้ามาช่วยดูแลนโยบายของพรรคไปก่อน ยังไม่ได้มีตำแหน่งที่ชัดเจนต้องรอการประชุมพรรคในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้
“ผมได้บอกกับนายอุตตม อย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ต้องการตำแหน่งทางการเมืองใดๆ เพราะอยากทำเพียงแบ่งปันประสบการณ์ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่มากกว่า”
ส่วน นายสมคิด จะอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสร้างอนาคตไทย ใช่หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ตนหวังเช่นนั้น เพราะยังไม่รู้อนาคตว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาเมื่อใด ขณะนี้ นายสมคิด เป็นคนหนึ่งที่ช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรค และช่วยแนะนำการชักชวนคนที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ เข้ามาร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย
“ผมหวังว่านาทีสุดท้าย นายสมคิด จะตัดสินใจเป็นแคนดิเดตนายกฯ ถ้าผมมีโอกาสอยู่ในพรรคสร้างอนาคตไทย ผจะยกมือให้ นายสมคิด เป็นแคนดิเดตนายกฯ”
ส่วนที่เสนอตัวเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หมายความว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีจุดอ่อนในเรื่องนี้อยู่ใช่หรือไม่ นายสุรนันทน์ ตอบว่า ถือว่ายังมีจุดอ่อน เพราะรัฐบาลนี้อยู่มานาน โดยชุดความคิดที่ นายสมคิด เคยวางไว้ในช่วงต้นของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ถูกสานต่ออย่างครบถ้วนเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางบุคลากรด้วยเหตุผลทางการเมือง ทำให้แผนเศรษฐกิจต่างๆ ชะงักไป
ประกอบกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เกิดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั่วโลก แต่การบริหารจัดการของรัฐบาลมีจุดอ่อนเยอะมาก ทำให้การดูแลระบบสาธารณสุขของประชาชนช่วงแรกมีปัญหา ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจระยะยาว และทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจได้อย่างเต็มที่ และไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ดังนั้น คิดว่าแม้จะไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ อย่างน้อยหากรัฐบาลนำชุดความคิดของพรรคสร้างอนาคตไทยไปใช้ก็ยินดี เพราะเราไม่ได้คุยกันที่การแพ้หรือการชนะเลือกตั้ง แต่คุยกันว่าชุดความคิดทางเศรษฐกิจของใครที่จะช่วยแก้ปัญหาของประเทศ
เมื่อถามว่ามีความมั่นใจว่าชุดความคิดทางเศรษฐกิจของนายสมคิด จะสามารถช่วยกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เท่าที่ได้แลกเปลี่ยนกัน ตนคิดว่าประมาณ 90% หากได้เปิดนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติจริงสามารถทำได้ คือสามารถแก้ปัญหาระยะสั้นเกี่ยวกับปัญหาปากท้องได้ และสามารถวางพื้นฐานด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจให้ยั่งยืนมากขึ้น