ธันวา เผย! ต่อให้ซื้อชุดตรวจ Rapid Test มาตรวจเอง ถ้าผลเป็นบวก ก็อย่าเพิ่งดีใจว่าจะได้เตียง เพราะยังคงต้องใช้ผลตรวจแบบ PCR เช่นเดิม แถมไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้อยู่ดี
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า วันที่ 11 ก.ค.64 นายธันวา ไกรฤกษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันลาออกมาเป็นสมาชิกพรรคกล้า แสดงความเห็นส่วนตัวถึงแนวทางการแก้ปัญหาการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยการให้ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจมาตรวจเอง โดยระบุว่า ข้อเท็จจริงกรณีกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อคชุดตรวจ Rapid Antigen Test (มีประโยชน์แค่ไหน)
อ่านข่าวแล้วอย่าเพิ่งพากันดีใจไปใหญ่โตนะครับ โดยเช้านี้ผมได้โทรไปยัง 1330 1668 และโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสอบถามถึงกรณีการปลดล็อคดังกล่าว ว่าหากผลตรวจเป็นบวกแล้ว จะสามารถลงทะเบียนเข้าระบบรอเตียงเพื่อรับการรักษาได้หรือไม่
..คำตอบคือไม่ได้ ยังคงต้องใช้ผลตรวจแบบ PCR เช่นเดิม !!!
แม้ตัวท่านหรือญาติพี่น้องของท่านจะมีอาการหนักปางตาย เอ็กซเรย์แล้วเชื้อลงปอด เป็นผู้ป่วยติดเตียง อัมพฤกษ์อัมพาต เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อ100% อยู่บ้านเดียวกับผู้ที่เคยตรวจพบเชื้อ หรือไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ท่านก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้อยู่ดี
ผมจึงถามเจ้าหน้าที่ผู้รับสายว่าแล้วประโยชน์ของการปลดล็อคมันคืออะไร เพราะถ้าตรวจ Rapid แล้วเอามาใช้เข้าระบบรอคิวเตียงไม่ได้ มันจะตรวจไปเพื่ออะไร เขาตอบกลับมาว่า “เพื่อความสบายใจ” จะได้ไม่ต้องกังวล แห่ไปต่อคิวกันที่จุดตรวจคัดกรองเชิงรุก
ส่วนแนวทางที่ได้แถลงมาว่าได้ประสานให้โรงพยาบาลเอกชนต่างๆดำเนินการดังนี้
แนวทางที่ 1 หากโรงพยาบาลเอกชน มีเตียง และประเมินผู้ติดเชื้อเบื้องต้น พบว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ควรรักษาในโรงพยาบาล เช่น อาการหนัก อายุมาก เป็นกลุ่มเสี่ยง ให้หาเตียงรองรับ
แนวทางที่ 2 หากผู้ติดเชื้อแข็งแรงดี ไม่มีอาการ สถานพยาบาลเอกชนสามารถดำเนินมาตรการ “แยกกักตัวที่บ้าน” ได้ทันที โดยต้องได้รับความยินยอมและสมัครใจจากผู้ติดเชื้อ
ในแนวทางแรกคงไม่ต้องพูดมากให้เจ็บคอ ขอถามกลับคำเดียวว่าจะมีกี่คนที่มีปัญญาเข้าไปใช้บริการในโรงพยาบาลเอกชน อย่าบอกนะว่าโรงพยาบาลเอกชนจะใจดีหาเตียงให้ผู้ป่วยที่ไม่มีเงินจ่ายเอง
ส่วนแนวทางที่ 2 นั้น จะไม่มีประโยชน์ใดๆเลยต่อผู้ที่ตรวจรับผิดแล้วอาการเข้าข่ายสีเหลืองไปถึงแดง ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย ณ สถานการณ์ปัจจุบัน
และหากลงลึกไปในเรื่องของ home isolation แม้เจตนาอาจจะดี แต่กลับกลายเป็นมองข้ามกลุ่มผู้ป่วยสีเหลืองจนถึงแดง ซึ่งมีความจำเป็นต้องอยู่ในการติดตามอย่างใกล้ชิดของบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างรอเตียงมากกว่าเสียอีก
..แล้วเหตุใดจึงถูกมองข้าม ปล่อยให้ตายคาเตียงรายวัน โดยไม่มีแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ call center โทรไปสอบถามอาการ !?
ถ้าสธ.อยากให้การปลดล็อค Rapid เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ ต้องปลดล็อคในกรณีที่ผู้ตรวจพบผลเป็นบวกซึ่งมีอาการหนัก หรือมีข้อมูลชัดเจนว่าติดเชื้อแน่นอน ให้ ไม่จำเป็นต้องรอผลการตรวจแบบ PCR อีก โดยสามารถเข้าสู่ระบบรอคิวเพื่อรับการรักษาได้เลย แล้วอาจทำการตรวจแบบ PCR ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ขณะรับการรักษาที่โรงพยาบาลก็ได้
เข้าใจดี ว่าทุกสาขาอาชีพนั้นมีระเบียบ มีกฎเกณฑ์ โดยเฉพาะในทางการแพทย์ แต่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ ผู้ป่วยอยู่ร่วมบ้านกับผู้ที่เคยตรวจแบบ PCR และพบเชื้อ ต่อมาผู้ป่วยมีอาการหนักปางตาย ออกซิเจนต่ำจนแทบขาดใจ แบบนี้มันชัดอยู่แล้วว่าเขาเป็นโควิด
ดังนั้น แพทย์และโรงพยาบาลจึงควรสามารถใช้ดุลพินิจและตัดสินใจได้ นี่คือความยืดหยุ่น ความเข้าใจ ความมีหัวใจ ซึ่งทำให้มนุษย์แตกต่างจากหุ่นยนต์ เพราะหุ่นยนต์ตั้งคำสั่งอะไรไป มันก็ตอบสนองและแสดงออกไปตามนั้น มันไม่มีน้ำใจ ไม่มีหัวใจ และไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตาย
หากไม่รู้จักยืดหยุ่น ปลดล็อคการยอมรับผลตรวจ Rapid ที่เป็นบวก เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาแล้ว ก็จะไม่เป็นประโยชน์ และไม่สามารถแก้ปัญหาที่ผ่านๆมาได้เลย มีผู้เสียชีวิตนับร้อยรายที่ต้องตายคาเตียงทุกวัน เนื่องจากไม่มีโอกาสเข้าถึงการตรวจแบบ PCR
ปล.ผมขอฝากให้ผู้รับผิดชอบในเชิงนโยบายทุกท่านได้พิจารณา ผมไม่มีความรู้ทางการแพทย์ใดๆเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ถ่ายทอดมานั้นเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ไม่มีเงินหรือคนกลุ่มคนฐานราก
ทุกวันนี้พวกเขาแทบไม่มีโอกาสเลือกว่าตัวเองจะมีชีวิตหรือรอดชีวิต ในเมื่อพวกท่านบริหารวัคซีนผิดพลาดมาแล้ว อย่าบริหารระบบการเข้าถึงการรักษาที่ผิดพลาดอีกเลย
ถ้าขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจ ยังไร้ความสามารถในการแก้ปัญหา ก็ขอให้ลาออกไปกันทั้งหมดเลยดีกว่าครับ คนเก่งๆในประเทศนี้ยังมีอีกเยอะ ให้โอกาสคนอื่นเขามาลองทำดูบ้างก็ได้
You must be logged in to post a comment Login