Connect with us

Published

on

พรรคกล้าเปิดแนวคิด “8 ประตู นำเป๋าตังเป็น ‘เป๋าโต” ขยายผลคนละครึ่ง กุญแจปฏิรูประบบราชการผลักดันเป็นแพลตฟอร์มแห่งชาติ สู่ศตวรรษที่ 21 

สำนักข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ที่อาคารเอเชียบิวดิ้ง นายกรณ์ จาติกวณิชหัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคฯ และทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ร่วมกันแถลงข่าวถึงแนวคิด “8 ประตูนำ เป๋าตังเป็นเป๋าโต” ขยายผลโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล เพื่อเป็น“SuperApp” สำหรับประชาชนคนไทยทุกคน

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดจากความต้องการเติมความสามารถของแอพเป๋าตังและโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จากระดับฐานราก ซึ่งหากเราเพิ่มความสามารถแอพให้มากขึ้น ก็จะเป็นเครื่องมือของภาครัฐในการให้บริการประชาชนได้อย่างหลากหลายมากขึ้น

        “วัตถุประสงค์หลักของพรรคกล้าในวันนี้คือ เราต้องการที่จะสร้างโอกาสให้กับคนไทยทุกคนสอดคล้องกับจุดเริ่มต้นของพรรคกล้าเรา มีหลักคิด 4 ประการ ที่นำไปสู่การกำหนดทุกนโยบายและข้อเสนอของพรรคคือ

1. เราต้องการให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสอยู่ดีกินดี

2. เราต้องการให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีความสุข

3. เราต้องการให้ประชาชนทุกคน มีความรู้สึกว่ามีความโอกาสก้าวหน้าในชีวิต และ

4.เมื่อตกที่นั่งลำบากประชาชนทุกคนต้องมีที่พึ่ง

         จึงเป็นที่มาของข้อเสนอพรรคกล้าที่จะต่อยอดโครงการ แอพลิเคชั่นเป๋าตังและคนละครึ่งของรัฐบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐและระบบราชการที่ล้าหลังและเป็นตัวถ่วงสำคัญ

         ดังนั้นอะไรที่จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน เพิ่มความโปร่งใส ลดการทุจรติคอรัปชั่น ที่สำคัญคือลดต้นทุนงบประมาณที่ใช้ในระบบราชการ นำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและประชาชนมีโอกาสเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรหยุดเพียงแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหยุดแค่การลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้เท่านั้น” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

        สำหรับข้อเสนอ 8 ข้อ ของพรรคกล้าที่จะช่วยให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นประกอบด้วย

1.ประตูเปิดสู่ National e-Marketplace แรกของคนไทยเอง เนื่องจากปัจจุบันการซื้อขายจะอยู่บน E-marketplace ของต่างประเทศ แอพเป๋าตังจะสามารถต่อยอดเพื่อให้เกิดได้

2.ประตูเปิดสู่ การหยุดข้อมูลรั่วไหลไปสู่ Platform ต่างชาติ เวลานี้ฐานข้อมูลการซื้อขายของเราอยู่ในมือต่างประเทศ จากนี้ไปเรามีฐานข้อมูลประชาชนมหาศาลแล้ว ดังนั้นสามารถใช้ข้อมูลสร้างแพลตฟอร์มเป็นของเราเองได้

3.ประตูเปิดสู่ การเข้าถึง Data เพื่อทุกธุรกิจ ที่จะมีข้อมูลไปต่อยอดการทำธุรกิจได้

4.ประตูเปิดสู่การไม่เสียค่า GP เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ลดปัญหาดังกล่าวไป  

5.ประตูเปิดสู่ ระบบเงินกู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้ มาประเมินของตัวเองได้สามารถเข้าสู่การกู้ยืมทุนในระบบได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีที่ดินหรือผู้ค้ำประกัน

6.ประตูเปิดสู่ การเป็น Digital ID ของคนไทยทุกคน เราสามารถที่จะแสดงตนต่อระบบราชการได้ ไม่ต้องใช้เอกสารมากมายเหมือนที่ผ่านมา โดยใช้แอพเป๋าตังพัฒนาเป็นดิจิทัลไอดี  

7.ประตูเปิดสู่ การเข้าถึงทุกสวัสดิการของรัฐได้อย่างประสิทธิภาพ เช่นอีกไม่นานเราต้องฉีดวัคซีน เราสามารถใช้

แอพฯ เพื่อจองคิวและเช็คสิทธิว่าเราจะใช้บริการได้ที่สถานพยาบาลใด  และ

8.ประตูเปิดสู่ การรับสิทธิอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่สามารถลดขั้นตอนของระบบราชการได้

         โดยทั้ง 8 แนวคิดดังกล่าวจะเป็นเสมือนประตูสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการเป็น National Platform และนำไปสู่การปฏิรูประบบราชการ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของพรรคกล้า

        ด้านนายวรวุฒิ อุ่นใจ กล่าวว่า แนวคิดนี้ นับเป็นการเปิดประตูแห่งโอกาส โดยสามารถใช้มือถือในการสร้างอาชีพต่อยอดจากผู้ใช้แอพเป๋าตังสู่การได้ประโยชน์ต่อประชาชนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั่วประเทศ

โดยแอพเป๋าตังจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยดิจิทัล

        “ขณะนี้เรามีข้อมูลผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ 10 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 15 ล้านคนในเฟสสองต้นปีหน้า มีร้านค้าในระบบมากกว่า 1 ล้าน รัฐบาลด้วยงบประมาณในการดำเนินการกว่า 50,000 ล้านบาทไม่มีบริษัทเอกชนหรือบริษัทออนไลน์ที่ไหนที่จะใช้เงินขนาดนี้ในการสร้างฐานลูกค้า ได้เท่ากับรัฐบาลไทยซึ่งอาจจะมีไม่กี่รายในโลกด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเมื่อเรา มีฐานข้อมูลขนาดนี้ เราจะไม่พัฒนาเป็นต่อยอดเป็น E-marketplace ให้เป็นแพลตฟอร์มของคนไทย ถือว่าเสียโอกาสอย่างยิ่ง และเป็นการใช้เงินที่ไม่คุ้มค่า ดังนั้นรัฐบาลต้องผลักดันและต้องทำให้ได้” รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าว  

       นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เป็นเอสเอ็มอี เป็นผู้ค้า แต่หากเราต่อยอดไปเป็นเกษตรกร ให้สามารถขายสินค้าเกษตรในโครงการแบบนี้ จะทำให้เกษตรกรของเราไม่ต้องอาศัยพ่อค้าคนกลาง ไม่ต้องอาศัยล้ง สามารถขายตรงจากสวนได้ทั่วประเทศ และอาจจะขายได้ทั่วโลกในอนาคต

         นอกจากนี้เรายังสามารถพัฒนาจากออฟไลน์ ไปสู่ออนไลน์ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือประเทศจีนสามารถพัฒนาเศรษฐกิจของเขาแบบก้าวกระโดดด้วยวิธีการทำธุรกิจผ่านออนไลน์ สมัยก่อนเกษตรกรของจีนก็เหมือนบ้านเราที่ไม่สามารถทำธุรกิจออนไลน์ได้ โครงการคนละครึ่งสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ทำให้คนสูงอายุ

         สามารถรู้จักการขายออนไลน์ รัฐบาลต้องเข้าไปมีส่วนโดยการฝึกอบรมต่อยอด คนที่ทำออนไลน์ให้ทำให้เป็น และพัฒนาต้นทุนการขนส่งให้ถูกลง เพราะขณะนี้การขนส่งยังมีต้นทุนสูง ทำให้ธุรกิจออนไลน์ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หากรัฐบาลสามารถทำให้การขนส่งถูกลง ก็จะทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจไทยไปสู่ดิจิทัลลด ความเหลื่อมล้ำหมดไปก็จะหมดไป และนี่คือโอกาสของคนตัวเล็กอย่างแท้จริง

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: