Connect with us

Published

on

ไฟเซอร์(Pfizer) ผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกได้ประกาศว่า ผลการทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันถึง 90% เป็นผลลัพท์ที่ดีกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการเอาไว้

ผลการวิเคราะห์ครั้งนี้มาจากกรณีศึกษา 94 กรณี ของการติดเชื้อ ซาร์ส – โควี -2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโควิด -19 ในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและยาหลอก โดยผู้เชี่ยวชาญได้กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำเพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนเอาไว้ที่ 60% สำหรับวัคซีนที่จะได้รับการพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติในกรณีฉุกเฉิน ผลการวิจัยนี้รวบรวมข้อมูลจาก 38,955 กรณี จากจำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนทั้งหมด 43,538 คน

และในสภาวะที่กำลังเกิดการระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองไปโดยปริยาย เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และทีมงาน พยายามใช้สื่อโซเชียลมีเดียกดดันรัฐบาลให้รีบอนุมัติการสนับสนุนเพื่อผลิตวัคซีนออกมาให้เร็วที่สุดตามที่เคยได้ให้คำสัญญาเอาไว้  ซึ่งในความเป็นจริง ไฟเซอร์ไม่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางจากโครงการ Operation Warp Speed ​​(OWS)    ที่จะสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนบางชนิดที่กำลังอยู่ในการทดสอบระยะสุดท้าย  โดยทางบริษัทไฟเซอร์เอง ยังวางแผนที่จะบรรจุ จัดส่ง และแจกจ่ายวัคซีน โดยใช้ระบบของตนเอง โดยไม่ใช้เครือข่ายของ OWS 

โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาบริษัทฯได้ลงนามในสัญญากับรัฐบาล ในการจัดหาวัคซีนที่พร้อมใช้งานจริง 100 ล้านโดส และสำหรับอีกหลายล้านโดสภายหลัง หากวัคซีนได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเป็นทางการ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

ไฟเซอร์ถือเป็นบริษัทแรกที่เผยแพร่ผลการทดลองวัคซีน COVID-19 อย่างเป็นทางการ โดยผลที่สามารถยืนยันว่ามีวัคซีนประสิทธิภาพมากกว่า 90% มาจากผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วตั้งแต่ 7 วันขึ้นไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการติดตามวิเคราะห์แผนปฏิบัติการ โดยคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งกำลังตรวจสอบบริษัทที่อาจจะได้รับสิทธิ์ในการผลิตวัคซีนอีกหลายราย ที่กำลังทดสอบวัคซีนกับคนจริง 

ไฟเซอร์และบริษัท BioNTech ของเยอรมัน ผู้ร่วมพัฒนาวัคซีนกล่าวในการเปิดแถลงข่าวว่า ยังต้องติดตามผู้เข้าร่วมทดสอบวัคซีนต่อไปอีกสองถึงสามสัปดาห์จนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จากที่กำหนดเอาไว้ว่า ผู้เข้ารับการทดสอบวัคซีนต้องได้รับการติดตามผลอย่างน้อยสองเดือน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดเอาไว้สำหรับการทดสอบวัคซีน COVID-19 ก่อนที่จะพิจารณาอนุญาตหรืออนุมัติในกรณีฉุกเฉินและเพื่อให้ คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล ทำการวิเคราะห์ข้อมูลตามกำหนดการในโอกาสต่อไป

    เครดิตภาพ Jakub Porzycki—NurPhoto via Getty Images

บิล กรูเบอร์ (Bill Gruber) หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์  กล่าวถึงท่าทีของ คณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า “พวกเค้ายังตีหน้าตายไม่ยินดียินร้าย ถึงแม้ตอนนี้ผลการทดลองจะถูกประกาศออกมาแล้วก็ตาม”

  บิล กรูเบอร์ ยังกล่าวอีกว่า “ผมพัฒนาวัคซีนมากว่า 35 ปี และถึงจะมองโลกในแง่ดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้คาดหวังว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพถึง 90% ผมคิดว่าที่ 75% หรือ 80% ก็น่าทึ่งแล้ว

กรณีนี้ ประสิทธิภาพ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะผลการทดสอบ ไม่ได้มีผลต่อภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์หรือที่เรียกว่าการฆ่าเชื้อจากการติดเชื้อ แต่เป็นเพียงการป้องกันการเจ็บป่วยจาก COVID-19 และอาการข้างเคียงของผู้ติดเชื้อ ข้อเท็จจริงอีกประการก็คือ การศึกษาครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบคนธรรมดาทั่วๆไป เปรียบเทียบผู้ที่มีผลตรวจเป็นผลลบกับผู้ที่มีผลบวก หรือในกลุ่มที่รับวัคซีนจริงและยาหลอก แค่ขอให้อาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนรายงานอาการในกลุ่มของ COVID-19 ที่อาจจะเกิดกับตนได้แก่ ไข้หายใจถี่ เจ็บคอและปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ เมื่อรายงานอาการแล้วพวกเขาจะได้รับการทดสอบ SARS-CoV-2  ไม่ว่าจะโดยการเก็บตัวอย่างด้วยตนเองหรือไปตรวจด้วยตัวเองที่ห้องทดลองเพื่อทำการทดสอบ จากนั้นนักวิจัยจะเป็นผู้พิจารณาและยืนยันว่ามรการติดเชื้อจริงหรือไม่ และเปรียบเทียบผลลัพธ์ของโรค ระหว่างผู้ที่ได้รับวัคซีนและผู้ที่ได้รับยาหลอกในอาสาสมัครกลุ่มนี้

กรูเบอร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นไปได้ที่วัคซีนป้องกันการติดเชื้อเช่นกัน เนื่องจากหลายคนตรวจพบ COVID-19 โดยไม่มีอาการใด ๆ ชุดข้อมูลทั้งหมดจะตรวจสอบคำถามสำคัญอื่น ๆ เช่นวัคซีนสามารถป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อตั้งแต่แรกได้หรือไม่ “ ก่อนที่จะเริ่มการศึกษาทดลอง ผมไม่ได้หวังไว้สูงขนาดที่ว่าจะมีการป้องกันการติดเชื้อในระดับสูง”

“ด้วยมาตราการป้องกันระดับสูงในขณะนี้ (เท่าที่เรารู้)สำหรับโรคที่ค่อนข้างรุนแรง ก็มีนัยะว่ามีโอกาสที่จะป้องกันการติดเชื้อได้เช่นกัน แต่เราจะไม่รู้คำตอบแน่ชัดจนกว่าจะสิ้นสุดการทดลองใช้” 

ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมอาจทำให้ทราบว่าผู้ที่ติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการมีสภาวะอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามสำคัญด้านสาธารณสุขในการหาทางยับยั้งการแพร่ระบาดของ โควิด-19

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ได้ในตอนนี้ก็ถือเป็นข่าวดี ไม่เพียงแต่เรื่องสุขภาวะของประชาชนเท่านั้น แต่เป็นข่าวดีของวงการวิทยาศาสตร์ด้วย เพราะวัคซีนของไฟเซอร์พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่อาศัยสารพันธุกรรมที่เรียกว่า mRNA ซึ่งยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ mRNA ได้รับการรับรองจาก FDA มาก่อน รวมถึงการทดสอบสำหรับอีกหลายๆโรค

การใช้ mRNA จะเป็นบรรทัดฐานในการช่วยเร่งการพัฒนาวัคซีน เนื่องจากกระบวนการนี้ไม่ต้องการไวรัสจำนวนมาก

สำหรับนักพัฒนาวัคซีนแล้วกำลังรอคอยลำดับพันธุกรรมของ SARS-CoV-2 ซึ่งเป้นส่วนวำคัญในการสร้างวัคซีน จะพร้อมในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ บริษัทอื่น ๆ รวมถึง โมเดอร์น่า(Moderna) ซึ่งตั้งอยู่ในแมสซาชูเซตส์และซาโนฟี่(Sanofi) ยักษ์ใหญ่ด้านวัคซีนก็กำลังทดสอบวัคซีนโดยใช้เทคโนโลยีแบบ mRNA COVID-19

ข่าวต้นทาง https://ti.me/2Iah8Dy 

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: