เป็นสงครามที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้านสาธารณรัฐสเปนที่ 2 ได้แก่
กลุ่มนิยมสาธารณรัฐ (bando republicano) ประกอบด้วยกลุ่มมัชฌิมา กลุ่มสังคมนิยม กลุ่มคอมมิวนิสต์
รวมทั้งชาวคาตาลันและชาวบาสก์ที่หัวรักถิ่นและเป็นอนาธิปไตย กับ
กลุ่มแห่งชาติ (bando nacional) ที่เป็นฝ่ายก่อการกบฏ รวมถึงพวกนิยมกษัตริย์ พวกการ์ลิสตา
พวกคาทอลิกหัวเก่า และพวกฟาสซิสต์ฟรังกิสต์
นอกจากความขัดแย้งดังกล่าวแล้ว ยังพบว่ามีอีกหลายเหตุผลที่ได้นำไปสู่สงครามครั้งนี้ และส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื้อรังสะสมมาตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นศตวรรษแห่งความโกลาหลของสเปน ต้องประสบกับสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติหลายครั้ง ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิดของพวกปฏิรูปและพวกอนุรักษนิยม
ที่ต้องการจะตัดอีกฝ่ายออกจากอำนาจ
พวกเสรีนิยมซึ่งเฟื่องฟูขึ้นจากรัฐธรรมนูญแห่งปี ค.ศ. 1812 ได้พยายามล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ในสเปน และสร้างขึ้นเป็นรัฐเสรีนิยมแทน
ส่วนพวกอนุรักษนิยมต้องการที่จะป้องกันการล้มล้างระบอบกษัตริย์และค้ำจุนราชวงศ์
พวกการ์ลิสตา(carlistas) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน เคานต์การ์โลส และผู้สืบทอดตระกูล ได้ผนึกกำลังกันเพื่อฟื้นฟูธรรมเนียมดั้งเดิมของเปน (ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และคาทอลิก) และต่อต้านลัทธิเสรีนิยมและสาธารณรัฐนิยมของรัฐบาลสเปนในขณะนั้น
พวกการ์ลิสตาได้ร่วมมือกับพวกชาตินิยม ในความพยายามที่จะใช้ประวัติศาสตร์เพื่อถือสิทธิ์ในการปกครองดินแดนของตนที่ได้รับมาจากกฎบัตร (fuero) แห่งแคว้นประเทศบาสก์และแคว้นกาตาลุญญา
หลังจากครึ่งศตรวรรษหลังเป็นต้นมา พวกเสรีนิยมได้ถูกกลืนกินโดยพวกสังคมนิยมฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลัทธิอนาธิปไตย ซึ่งมีอำนาจและจำนวนคนในสเปนมากกว่าประเทศอื่นใดในทวีปยุโรป
สเปนปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองหลายรูปแบบ มาตั้งแต่สมัยระหว่างสงครามนโปเลียนในช่วงต้น
ของคริสต์ศตวรรษที่ 19 และช่วงสงครามกลางเมือง
ในช่วงคริสต์ศตรวรรษที่ 19 สเปนอยู่ภายใต้การปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
ท่ามกลางความไม่พอใจของหลายภาคส่วน สาธารณรัฐสเปนที่ 1 ซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1873 จึงมีอายุสั้นมาก
ลัทธิราชาธิปไตยได้กลับคืนมาอีกครั้ง ภายใต้การปกครองของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13
ซึ่งกินเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1887 ถึงปี ค.ศ. 1931 แต่หลังจากปี ค.ศ. 1923 เป็นต้นมา
สเปนก็อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการของมิกูเอล พรีโม ดี ริเวอร์รา
ภายหลังจากที่ มิกูเอล พรีโม ดี ริเวอร์รา ถูกล้มล้างในปี ค.ศ. 1930
ราชวงศ์สเปนก็ไม่อาจรักษาอำนาจของตนไว้ได้ และสาธารณรัฐสเปนที่สองก็ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1931
รัฐบาลของสาธารณรัฐสเปน มาจากพวกหัวซ้ายและพวกสายกลาง กฎหมายปฏิรูปหลายฉบับก็ถูกผ่านออกมา อย่างเช่น กฎหมายว่าด้วยการแบ่งปันที่ดินแห่งปี 1932 ซึ่งเป็นการแจกจ่ายดินแดนให้กับชาวนาที่ยากจน
ชาวสเปนกว่าล้านคนมีชีวิตอยู่ในสภาพถูกปกครองจากเจ้าของที่ดินในลักษณะของกึ่งศักดินา
การห้ามศาสนาเข้ามามีส่วนทางการเมือง รวมทั้งการตัดกำลังทางทหารและการปฏิรูป
ทำให้เกิดการต่อต้านอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1931 สเปนได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงเสรีภาพและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน แต่ว่ามีการกีดกันพวกคาทอลิกอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มที่คัดค้านต่อการก่อตั้งรัฐประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ รัฐธรรมนูญดังกล่าวยังจัดให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกตั้ง และการแบ่งแยกศาสนาออกจากการเมืองอย่างสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับมอบอำนาจให้แก่รัฐบาลในการแทรกแซงกิจการของศาสนาได้ รวมไปถึงการห้ามมีการสอนศาสนาในโรงเรียนเอกชน การริบทรัพย์สินของคริสตจักร
และการสั่งยุติลัทธิเยซูอิด โดยสรุปก็คือ รัฐบาลสเปนที่มาจากการปฏิวัติแห่งปี 1931 เป็นรัฐบาลที่ต่อต้านศาสนาอย่างจริงจัง
ไม่เพียงแต่จะมีการสนับสนุนการก่อตั้งลัทธิใหม่ขึ้นมาเท่านั้น แต่การทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างการเมืองกับศาสนาทำให้มีการต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1933 สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 เขียนจดหมายติเตียนการกีดกันเสรีภาพของรัฐบาลสเปน รวมถึงการยึดทรัพย์สินของคริสตจักรและโรงเรียนสอนศาสนา
แต่พวกหัวซ้ายจัด เห็นว่าการต่อต้านศาสนาตามรัฐธรรมนูญนั้น กลายเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไป
ถึงเวลาเผชิญหน้ากัน ในฐานะคู่ปฏิปักษ์ นำไปสู่การล้มระบอบประชาธิปไตยและการปะทุของสงครามกลางเมือง
You must be logged in to post a comment Login