ตำนานวันคริสต์มาสและความเป็นมา 25 ธันวาคม
วันคริสต์มาสเพิ่งจะผ่านไป ไม่เพียงแต่คริสต์ศาสนิกชนเท่านั้น แต่เป็นที่รับรู้และเฝ้ารอของคนทั้งโลก ที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลวันหยุดปลายปีโดยเริ่มต้นจาก วันที่ 25 ธันวาคม วันคริสต์มาส
คริสต์มาส ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทศกาลวันหยุดของชาวคริสเตียนกลุ่มเดียว ชาวยิวก็มีพิธีฮานุคคาห์ (Hanukkah) ชาวกรีก โรมันในอดีต อีกทั้งความเชื่อของกลุ่มดรูอิด(the Druids)และคนพื้นถิ่นของยุโรปสมัยก่อน ต่างมีความเชื่อแบบนี้คล้ายกันและใช้เทศกาลนี้เฉลิมฉลองมาแต่ครั้งโบราญ ถึงแม้สมัยก่อนนั้นจะยังไม่มีการจัดทำปฎิทินมาตราฐานเป็นทางการเหมือนทุกวันนี้
คำว่า คริสต์มาส มาจากคำว่า “Christ’s Mass” มีรากมาจากคำว่า Christemasse ของภาษาอังกฤษยุคกลาง คำว่า Cristes mæsse มีความหมายคล้ายๆ “สาส์นจากพระผู้เป็นเจ้า” เป็นคำในภาษาอังกฤษเก่าแก่ ซึ่งมีการค้นพบครั้งแรกในเอกสารโบราณเมื่อราวๆปี ค.ศ. 1038 Merry ในภาษาอังกฤษหมายถึง สันติสุข คำว่า “Merry Christmas” ที่นิยมใช้อวยพรญาติมิตร เพื่อนฝูง คนที่รักใคร่นับถือจึงมีหมายถึง “ขอส่งความปรารถนาดี ให้ท่านมีแต่ความสุข สงบสันติ เนื่องในวันคริสต์มาส” ธรรมเนียมการมอบของขวัญในวันคริสต์มาส เป็นประเพณีที่นิยมทำกันมายาวนานนับตั้งแต่สมัยโรมัน ที่จะมอบ ผลไม้ ขนม หรือข้าวของสำคัญมีค่าในแต่ละยุค แก่เพื่อนบ้าน และคนยากไร้ เด็กๆในยุโรปมีความเชื่อว่าพระเยซูกุมารเป็นผู้นำของขวัญมามอบให้
ในขณะที่เด็กๆอเมริกัน เชื่อว่า ซานตาครอสจะขี่กวางเรนเดียร์ ตระเวนมอบของขวัญแก่เด็กๆในแต่ละบ้าน แล้ว ซานตาครอส คือใคร? ที่ ตุรกี ระหว่างช่วงคริสต์ศตวรรษที่สี่ มีบาทหลวงท่านนึงเป็นที่ยอมรับนับถือกันทั่วไปว่าท่านเป็นคนจิตใจดี มีเมตตาธรรมสูง เมื่อท่านถึงแก่กรรมผู้คนก็ยกย่องให้ท่านเป็นนักบุญเรียกขานนามท่านว่า นักบุญนิโคลัส หรือ เซ้นต์นิโคลัส (SAINT NICHOLAS) เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ ซึ่งในความจริงตามประวัติศาสตร์ นักบุญนิโคลัสตัวจริงมีตำแหน่งเป็นสังฆราชของเมือง ไมรา (Bishop of Myra ไมรา ปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี) ตำนานของท่านเป็นที่เคารพนับถือและถูกเล่าขานกันไปทั่วยุโรปโดยเฉพาะที่ฮอลแลนด์ ซึ่งเรียกขานนามท่านว่า “ซินเตอร์คลาส”(Sinter Claes) ชาวฮอลแลนด์บางส่วนเมื่ออพยพไปยังทวีปใหม่ อเมริกา ก็นำความเชื่อไปเผยแพร่ที่นั่นด้วย แต่เวลาผ่านไปจนถึงปี 1870 ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็เรียกชื่อเพี้ยนไป กลายเป็น “ซานตาครอส”
ส่วนความเชื่อเรื่อง ซานตาครอสจะมาส่งของขวัญให้เด็กๆตามบ้านนั้น เกิดขึ้นราวๆปี 1822 โดยมีที่มาจากจินตนาการในบทกวีของนักประพันธ์ชาวอเมริกานาม คลีเม้นต์ คลาร์ค มัวร์ (Clement Clarke Moore) ซึ่งได้พรรณาถึงเหตุการ์ในวันที่ ซานตาครอส ออกตะเวนมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่เด็กๆตามบ้าน โดยจะมุดลงทางปล่องไฟ นำของขวัญไปแขวนไว้ตามกิ่งของต้นคริสต์มาส ที่แต่ละบ้านจัดทำเตรียมเอาไว้ ในบทประพันธ์ชื่อ “เมื่อนักบุญนิโคลัสมาเยือน” หรือ A Visit from St. Nicholas by Clement Clarke Moore https://www.poetryfoundation.org/poems/43171/a-visit-from-st-nicholas
ราวๆ ค.ศ.1890 ศิลปินจิตรกรรมชาวสวีเดนนาม เจนนี ไนสตรอม(Jenny Nyström )ได้ถ่ายทอดตำนานคำบอกเล่า เรื่องความเอื้อเฟื้อ ใจดี มีเมตตาของซานตาครอส ออกมาเป็นภาพลักษณ์ ของชายผู้สวมชุดสีเขียว หรือน้ำตาลสลับแดง ลงบนบัตรอวยพรวันคริสต์มาสออกจำหน่ายภาพ ภาพชุดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนเริ่มรู้จักตัวตนของ ซานตาครอส ผ่านภาพจิตรกรรม https://historianruby.com/2018/12/09/postcards-jenny-nystroms-christmas-art/
ต่อมาในปี1931 ศิลปินจากสวีเดนอีกคนนึงชื่อแฮดดอน ซันด์บลอม (Haddon H. Sundblom) ได้นำภาพวาดของไนสตรอม มาตีความใหม่เพื่อใช้ในงาโฆษณาโดยวาดให้ ซานตาครอสสวมชุดขาวแดง อันเป็นสีเดียวกับเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคล่า พร้อมทั้งยังเปลี่ยนรูปโฉมซานตาคลอสให้เป็นชายสูงวัยทรวดทรงอ้วนท้วนและมีกวางเรนเดียร์เป็นพาหนะประจำตัว https://www.adbranch.com/coca-cola-santa-claus-1931-1949/coca-cola_the_pause_that_refreshes_1931/
ต้นคริสต์มาส ตามความเชื่อมาแต่โบราญ ต้นคริสต์มาส หมายถึงต้นไม้ที่ อาดัมกับอีฟ ไปเด็ดผลมากัดกิน ซึ่งถือเป็นบาปและเป็นการฝ่าฝืนคำสังของพระเจ้า และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมาในการเฉลิมฉลองของชาวคริสเตียน มักจะนิยมใช้ต้นสนมาประดับประดาในการแสดงเพื่อถวายพระผู้เป็นเจ้า เนื่องจากหาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไป นอกจากต้นสนที่เราเห็นชินตาในการนำมาใช้ตกแต่งบ้านในวันคริสต์มาสแล้ว ยังมีต้นไม้อีกชนิดนึง เป็นไม้พุ่ม ใบเป็นรูปไข่ปลายแหลมสีเขียวมีดอกด้านบนสีแดงสด นิยมใช้ประดับบ้านในช่วงคริสต์มาสมีชื่อเรียกว่า Poinsettia ซึ่งมีความเป็นมาน่าสนใจดังนี้ https://www.pinterest.com/pin/7599893094599913/
นานมาแล้วในวันคริสต์มาส Pepita เด็กหญิงยากจนชาวเม็กซิโกคนนึงปรารถนาที่จะมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้แก่พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่มีเงินทองซื้อของขวัญ จึงเด็ดดอกไม้ริมทาง แล้วอธิษฐานเพื่อมอบให้แก่พระผู้เป็นเจ้า มหัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ดอกไม้ริมทางไร้ค่า กลับกลายเป็นดอกไม้สีแดงสดช่อใหญ่ ผู้คนให้ฉายาดอกไม้ชนิดนี้ว่า “Flowers of the Holy Night” ในปี ค.ศ. 1828 Joel Roberts Poinsett เอกอัคราชฑูตสหรัฐอเมริกา คนแรกประจำเม็กซิโก เป็นคนชอบต้นไม้ วันนึงได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวในชนบทของเม็กซิโกแล้วพบกับไม้พุ่มดอกสีแดงสดใส จึงได้นำกลับไปปลูกที่บ้านของตัวเองที่ South Carolina เมื่อผู้คนพบเห็นก็นำไปใช้ประดับประดาบ้านในวันคริสต์มาส ต่อมาต้นไม้ชนิดนี้จึงเป็นที่รู้จักกันทั่วอเมริกาในชื่อ Poinsettia ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านฑูต นั่นเอง เพลงคริสต์มาส การร้องเพลงเพื่อสรรเสริญพระเจ้าในวันคริสต์มาสมีบันทึกเอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5
โดยเพลงที่ขับร้องมาจากการประพันธ์ของทั้งนักบวชและชาวบ้านทั่วไป โดยเน้นที่ความยิ่งใหญ่ สง่างาม ต่อมาในศตวรรษที่ 12 ก็มีความก้าวหน้าด้านเพลงที่ใช้ขับร้องโดยเริ่มที่ประเทศอิตาลี โดยนักบุญฟรานซิส อัสซีซี และคณะนักบวชคณะฟรังซิสกัน ได้เริ่มใช้เพลงที่มีท่วงทำนองสนุกสนานเหมาะสำหรับเฉลิมฉลองทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน แต่เพลงที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ ได้เริ่มใช้กันในศตวรรษที่ 19 โดยได้รับความนิยมในเยอรมันและอังกฤษ เพลงที่นิยมมากเพลงนึงได้แก่ “Silent Night,Holy Night” มีเรื่องเล่าว่าก่อนวันคริสต์มาสปี ค.ศ.1818 คุณพ่อ Joseph Mohr เจ้าอาวาสวัดที่ Oberndorf ประเทศออสเตรีย ได้พบว่าออร์แกนที่ต้องใช้เล่นประกอบการร้องเพลงของโบสถ์เสีย ทำให้วงขับร้องประสานเสียงไม่สามารถร้องเพลงตามที่ซ้อมไว้ได้ คุณพ่อจึงต้องแต่งเพลงใหม่สำหรับวันคริสต์มาส ดังนั้นเมื่อแต่งเพลงเสร็จ คุณพ่อจึงได้นำเพลงไปให้เพื่อนชื่อ Franz Gruber ซึ่งอยู่หมู่บ้านใกล้เคียงกันใส่ทำนองให้และในคืนวันที่ 24 นั่นเองที่คริสต์ศาสนิกชนในละแวกนั้น ก็ได้ฟังเพลง Silent Night เป็นครั้งแรกในโลก โดยมีกีตาร์ประกอบการขับร้อง
ต่อมาเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงทางศาสนาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพลงนึงทั่วโลก บัตรอวยพรวันคริสต์มาส เล่ากันว่าในปี 1843 เซอร์เฮนรี่ โคล เจ้าของธุรกิจสิ่งพิมพ์ในอังกฤษ ได้เริ่มธรรมเนียมในการส่งบัตรอวยพรวันคริสต์มาสให้แก่คนที่รู้จักมักคุ้นรอบตัว แต่ธรรมเนียมดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเพราะบัตรสมัยนั้นทำด้วยมือมีราคาสูง รูปแบบของการ์ดอวยพรคริสต์มาสนั้นจะออกแบบมาตามโอกาสพิเศษ และความต้องการซื้อการออกแบบนั้นอาจจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องเล่าของวันคริสต์มาส หรือมีสัญลักษณ์ของชาวคริสเตียน ส่วนการ์ดอวยพรคริสต์มาสที่แสดงถึงประเพณีของเทศกาลนี้ ซึ่งก็ได้แก่ ซานตาคลอส หรืออาจเป็นสิ่งของที่เชื่อมโยงถึงเทศกาลนี้ ได้แก่ เทียนไข ต้นฮอลลี่ เครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้ถูกหล่อหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของชาวคริสต์และกำลังเป็นที่รับรู้กันไปในหมู่คนทุกแห่งทั่วโลก ถึงเทศกาลแห่งความรัก การมอบความสุขให้แก่คนในครอบครัว สังคม และโลกทั้งผอง Merry Christmas
#MerryChristmas #โตโจ้นิวส์ #tojonews
You must be logged in to post a comment Login