คู่สามี-ภรรยาผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนป้องกัน โควิด-19

เมื่อบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลก ได้ประกาศว่าผลการทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันถึง 90% เมื่อวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมานอกจากราคาหุ้นของบริษัทจะพุ่งสูงขึ้นแล้ว มีสิ่งนึงที่ทำให้สาธารณะชนต้องหันมาสนใจและจับตามมองมากขึ้น นั่นก็คือ บริษัทสัญชาติเยอรมัน ผู้ทำหน้าที่หลักในทำการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 จากการสนับสนุนทุนวิจัยโดยไฟเซอร์นั่นก็คือ บริษัท BioNTech 

บริษัท BioNTech ก่อตั้งโดยสามี – ภรรยา ลูกหลานชาวตุรกีอพยพสัญชาติเยอรมัน ดร.อูเกอร์ซาฮิน (Dr.Ugur Sahin) และดร.อุซเลม ตูเรซี่ (ÖzlemTüreci) 

อูเกอร์ ซาฮิน ปัจจุบันอายุ 55 ปี ย้ายมาอยู่ที่เยอรมันที่เมืองโคโลญพร้อมกับแม่เมื่ออายุได้ 4 ขวบ โดยย้ายมาสมทบกับพ่อของเขา ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มาปักหลักทำงานอยู่ที่เยอรมันที่โรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด อูเกอร์ ซาฮิน ไฝ่ฝันที่จะเป็นหมอมาตั้งแต่เด็กๆ จนในปี จนได้เป็นนักเรียนเตรียมแพทย์ที่ มหาวิทยาลัยโคโลญน์ และใน 1993 เค้าก็เรียนจบแพทย์ได้สมดังตั้งใจ จากผลงานการศึกษาเรื่อง “บำบัดภูมิคุ้มกันด้านเซลล์มะเร็ง (Immunotherapy in Tumor Cells)”  

อุซเลม ตูเรซี่ ปัจจุบันอายุ 53 ปี เธอเกิดที่เยอรมัน เธอเป็นลูกสาวของนายแพทย์ชาวตุรกีที่อพยพมาจากอิสตันบูล สมัยเด็กๆเธอหวังที่จะเป็นแม่ชีเพื่อจะได้มีโอกาสร่ำเรียนทางแพทย์ จนในที่สุดเธอก็ได้มีโอกาสได้เรียนจบแพทย์ที่โรงเรียนแพทย์ของ มหาวิทยาลัยซาร์ลันด์ในเมืองฮอมบวร์ก

อุซเลม ตูเรซี่ พบกับ อูเกอร์ ซาฮิน ในช่วงที่ทั้งคู่กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ด้วยความสนใจในชีววิทยา และศึกษาเรื่องเซลล์มะเร็งอยู่เหมือนกัน ในวันแต่งงานของทั้งสองคนหลังจากเสร็จพิธีทางการแล้ว ทั้งคู่ก็กลับเข้าไปทำงานวิจัยในห้องทดลองต่อทันที หลังแต่งงานทั้งคู่ก็มุ่งความสนใจไปที่การทำงานวิจัยและงานสอนหนังสือ รวมถึงเคยมีโอกาสไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยซูริค โดย

อูเกอร์ ซาฮิน ได้ทำงานในห้องทดลองของ รอล์ฟ ซิงเคอร์นาเกล (Rolf Zinkernagel) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปี 1996 

ในปี 2001 ดร.อูเกอร์ ซาฮินและดร.อุซเลม ตูเรซี่ ก็ได้ก่อตั้งบริษัท Ganymed Pharmaceuticals เพื่อพัฒนายารักษาและดูแลผู้ป่วยจากมะเร็งด้วยกรรมวิธีการใช้ สารภูมิต้านทานจากโคลนของเซลล์เดียวหรือ (Monoclonal Antibodies mAb or moAb) ต่อมาทั้งคู่ได้ขายบริษัท ให้แก่กลุ่มบริษัทยาข้ามชาติของญี่ปุ่น Astellas Pharma Inc. เป็นมูลค่า 1400 ล้านเหรียญในปี 2016

ปี 2008 ดร.อูเกอร์ ซาฮินและดร.อุซเลม ตูเรซี่ ได้ร่วกันก่อตั้งบริษัท BioNTech ร่วมกับนักมะเร็งวิทยาชาวออสเตรีย คริสตอฟ ฮูเบอร์ (Christoph Huber) โดยกำหนดเป้าหมายของบริษัทไปที่การพัฒนาการบำบัดระดับภูมิคุ้มกันเซลล์มะเร็ง ด้วยกรรมวิธีที่เรียกว่า mRNA โดยกระบวนการทำงานของmRNA ก็คือ การใช้สารระดับโมเลกุลเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร โดยใส่สารพันธุกรรมของเชื้อโรคไปด้วย เมื่อฉีดเข้าร่างกายแบบเดียวกับการฉีดวัคซีน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์โปรตีนขึ้นมาเพื่อสร้างภูมิคุ้มและทำลายเซลล์มะเร็ง

ซึ่งต่อมากระบวนการ mRNA ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 

ในช่วงต้นปี 2020 วันศุกร์ที่ 24 มกราคม ดร.อูเกอร์ ซาฮิน ได้อ่านบทความจากนิตยสารทางการแพทย์รายสัปดาห์ที่เก่าแก่และน่าเชื่อถือเล่มนึงชื่อว่า The Lancet เกี่ยวกับการระบาดที่กำลังเกิดขึ้นที่เมือง อู๋ฮั่น ประเทศจีน ด้วยสัญชาติญาณบอกเค้าว่า การระบาดนี้จะหนักหนาสาหัสและอาจจระบาดไปทั่วโลก เค้าจึงได้นำความกังวลใจดังกล่าวไปหารือกับทีมงาน เพื่อระดมสมองหาวิธีรับมือกับวิกฤติที่กำลังจะมาถึง แน่นอนว่าในเวลานั้น ไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ในเช้าวันจันทร์ถัดมาเค้าก็มอบหมายงานใหม่ให้กับทีมงานโดยวางมือจากงานโรคมะเร็งไปเป็นวิจัยวัคซีนเพื่อรับมือกับการระบาด

ถัดมาในเดือนกุมภาพันธ์ ดร.อูเกอร์ ซาฮิน ได้แจ้งไปที่บริษัทไฟเซอร์เพื่อชักชวนมาร่วมมือกันผลิตวัคซีนสำหรับรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรน่า โดยก่อนหน้านี้ บริษัททั้งสองเคยร่วมมือกันผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดระบาดมาก่อน

จนถึงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BioNTech ได้ประกาศแจ้งว่า กำลังรุดหน้า ในการพัฒนาBNT162 (ชื่อเรียกวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ในช่วงแรกๆของการวิจัย) และได้แถลงถึงความร่วมมือกับไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่จะให้ทุนในการพัฒนาและผลิตวัคซีนมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับ BioNTech ไปแล้ว 185 ล้านดอลลาร์ ไฟเซอร์เตรียมเงินไว้ให้อีก563 ล้านดอลลาร์ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี การลงทุนของไฟเซอร์ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถมหาศาลในการวิจัยและการผลิตให้กับ BioNTech ราคาหุ้นของ BioNTechก็พุ่งสูงขึ้น แม้ว่าในช่วงแรกจะยังไม่ทำกำไรได้มากนัก

หลังจากก่อตั้ง BioNTech มาได้หลายปี โดยเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบในการพัฒนารวมถึง mRNA เพื่อพัฒนาตัวยาและกรรมวิธีในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ดร.อูเกอร์ ซาฮิน ยังเคยให้สัมภาษณ์ไว้ครั้งนึงว่า เราอยากจะสร้างบริษัทยาให้ใหญ่โตเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งยุโรป

โดยก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่าบริษัท BioNTech เองก้ถือได้ว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ระดับ 100 ล้านเหรียญดอลลาร์ ทุกวันนี้มีทีมงานมากกว่า 1,800 คน มีที่ทำการหลักอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน และอีกหลายเมืองในเยอรมัน รวมถึงออฟฟิศที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเสตส์ สหรัฐอเมริกา

BioNTech จับมือเป้นพันธมิตรกับไฟเซอร์มาตั้งแต่ปี 2018 เพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เมื่อปีที่แล้วมูลนิธิของ บิลและเมลินดา เกตส์ ก็ลงทุนให้ BioNTech เพื่อพัฒนาการรักษาบำบัด รักษาผู้ป่วยจากการติดเชื้อ H.I.V และวัณโรค

และในปี 2019 ดร.อูเกอร์ ซาฮิน ได้รับรางวัล มุสตาฟา (Mustafa Prize) ซึ่งมอบให้แก่ ชาวมุสลิมที่มีผลงานโดนเด่นทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ทุกวันนี้ถือได้ว่า ดร.อูเกอร์ ซาฮิน และดร.อุซเลม ตูเรซี่ ร่ำรวยระดับเศรษฐีและเป็นที่รู้จักทั่วเยอรมัน แต่ทั้งคู่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม คือ ถ่อมตัว ขี่จักรยานไปทำงาน เก็บตัวอยู่กับบ้านไม่ค่อยออกงานสังคม

เขียนโดย อมาณี๕๒๔๙

เอกสารอ้างอิง

1. https://www.nytimes.com/2020/11/10/business/biontech-covid-vaccine.html?action=click&module=Top%20Stories&pgtype=Homepage

2. https://www.theguardian.com/world/2020/nov/10/ugur-sahin-and-ozlem-tureci-german-dream-team-behind-vaccine

3. https://biontech.de/our-dna/leadership

4. https://www.forbes.com/sites/nathanvardi/2020/06/01/ugur-sahin-becomes-a-billionaire-on-hopes-for-technology-behind-covid-19-vaccine/?sh=20d9c8d633fb

5. https://www.lifescienceleader.com/doc/how-one-professor-built-two-billion-dollar-biotechs-0001

6. https://www.dw.com/en/coronavirus-vaccine-eu-seals-deal-with-biontech-pfizer-to-secure-doses/a-55551329

7. https://www.bbc.com/news/world-europe-54886883