ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้การบินไทย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายศาลล้มละลายกลาง ด้านการบินไทยออกแถลงการณ์ยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟู ทั้งขนส่งผู้โดยสารหรือการขนส่งสินค้า ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารยังสามารถใช้เดินทางได้ต่อไป
สำหรับแนวทางการฟื้นฟูกิจการการบินไทยดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญได้แก่
1. เริ่มจากการให้การบินไทยพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ด้วยการให้กระทรวงการคลังขายหุ้นการบินไทย 3% ให้กองทุนวายุภักดิ์ ภายหลังการขายหุ้นแล้วทำให้คลังเหลือการถือหุ้น 47%โดยปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้นการบินไทยรวม 1,113.93 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 51.03% เมื่อขายหุ้นออก 3% จะมีหุ้นที่ถูกขายออกมาราว 65.48 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นการขาดทุนรวม 654 ล้านบาท
2.ปรับโครงสร้างการบริหาร โดยให้กรรมการลาออกจนเหลือ 3 คน ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่า จะเป็นใคร จากนั้นจะเพิ่มกรรมการใหม่เข้าไปในขั้นแรกจำนวน 3 คน ที่วางตัวไว้ ได้แก่ เทวินทร์ วงศ์วานิช อดีต CEO ปตท. , ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ และอดีต ดีดีการบินไทย
3.ร้องขอต่อศาลล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเมื่อศาลรับฟื้นฟูกิจการ หนี้ของการบินไทยจะผิดนัดชำระหนี้ (default) โดยอัตโนมัติ ในประเด็นนี้ทีมบริหารคิดว่าจะดูแลในส่วนหนี้สหกรณ์ 3.6 หมื่นล้านบาท ยืดหนี้ออกไป โดยมีเงื่อนไขจะจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
4.ล้มแนวคิดเดิมที่ต้องการให้ การบินไทย เป็นโฮลดิ้ง คัมพานี โดยการยกเลิกการตัดขายกิจการในเครือทั้งหมด เช่น ครัวการบินไทย ,ไทยสมายล์ ฯลฯ
5.การดูแลเจ้าหนี้ต่างประเทศ จะเดินคู่ขนานกับศาลไทยและศาลสหรัฐ ที่ต้องยื่นฟื้นฟู โดยอาศัย Chapter 11 ตามกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ เพราะการบินไทยต้องดำเนินกิจการต่อไป หากบินไปในต่างประเทศอาจจะโดนยึดเครื่องบินไทย รวมทั้งการดูแลเจ้าหนี้ลิสซิ่งเครื่องบินด้วย ซึ่งมีสหรัฐ อังกฤษ และเยอรมัน เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่
สำหรับฐานะการเงินของการบินไทย ณ สิ้นปี 2563 ทางฝ่ายบริหารการบินไทย ประเมินไว้ว่า จะขาดทุนสุทธิ 59,000 ล้านบาท ส่วนของทุน 4.7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (ไม่รวมค่าเช่าเครื่องบิน) อยู่ที่ 220,000 ล้านบาท
You must be logged in to post a comment Login