ไฟป่าเผาผลาญย่านเมืองเก่าที่สร้างมาตั้งแต่ยุคตื่นทอง ในแคลิฟอร์เนีย

สำนักข่าวโตโจ้นิวส์รายงาน ไฟป่าเผาผลาญย่านเมืองเก่าที่สร้างมาตั้งแต่ยุคตื่นทอง ในแคลิฟอร์เนีย​ อาคาร ร้านรวง ปั๊มน้ำมัน โรงแรม​ และ บาร์ กลายเป็นซากมอดไหม้ในกองเพลิง เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้วที่เมืองเล็กๆ บริเวณตีนเขาทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ถูกเพลิงจากไฟป่าเผาผลาญ สร้างความเสียหายให้แก่อาคารบ้านเรือน ทิ้งซากบ้านเมืองให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน 

ไฟป่าที่ถูกเรียกขานว่า “ไฟดิ๊กซี่” ลุกโหมไหม้จากต้นไม้ตายซาก บวกกับแรงลมที่โหมพัดด้วยความเร็วลมสูงถึง 64 กม/ชม. ทำให้ปั๊มน้ำมัน โรงแรม อาคารบ้านเรือน บาร์ และอาคารสำคัญของเมือง ในชุมชน เวียร์น่า เนวาด้า ในเมืองกรีนวิลล์ ต้องจมอยู่กลางกองเพลิง อาคารบางหลัง สร้างมาตั้งแต่ยุคตื่นทอง บางแห่งมีอายุอานามเกือบ 100 ปี

ในขณะที่ทางเหนือและตะวันออกของแคลิฟอร์เนีย กำลังถูกไฟโหมไหม้อยู่นั้น สำนักงานเขต พลูมัส เค้าท์ตี้ ทางตอนใต้ ก็ออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนกว่า 800 หลังคาเรือน อพยพหนีอันตรายออกจากบ้านเรือน ไฟป่าที่ลุกไหม้มาตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ถือได้ว่ารุนแรงที่สุดครั้งนึงที่เคยเกิดขึ้นในรัฐนี้ 

โดยถึงเวลนี้ เพลิงได้เผาผลาญไปเป็นฟื้นที่มากกว่า 504 ตารางกิโลเมตร ทางตอนใต้ราว 160กม.ใกล้กับเมืองโคลแฟกซ์ เมืองที่มีประชากรประมาณ 2,000 คนไฟปะทุขึ้นเมื่อวันพุธ  มีบ้านเรือนเกือบ 40 หลัง รวมถึงอาคารอื่นๆ ถูกไฟไหม้เหลือแต่ซาก​ ภายในไม่กี่ชั่วโมง รวมถึงไม้พุ่มและต้นไม้ตายซากเกือบ 10 ตารางกิโลเมตร ก็ถูกเพลิงเผาผลาญราบคาบ​ จากกองทัพไฟที่เคลื่อนตัวเร็วเหมือนน้ำหลาก กรมป่าไม้และสำนักงานดับเพลิงของแคลิฟอร์เนียได้สั่งให้ประชาชนเกือบ 6,000คน อพยพออกจากเขต เพลเซอร์ และ เนวาดา 

ถึงเวลานี้มีนักดับเพลิงกว่า 5000 คน ที่เข้าร่วมในปฏิบัติการดับไฟในครั้งนี้ รวมถึงกำลังจะมีการเพิ่มรถดับเพลิงและรถปราบดิน สำหรับเข้าร่วมปฏิบัติการดับไฟในครั้งนี้ขึ้นอีก ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดเนื่องจากคลื่นความร้อนที่สูงขึ้น ความชื้นในอากาศต่ำ และลมกรรโชกแรง ทำให้การควบคุมไฟทำได้ยากลำบากมากขึ้น คลื่นความร้อนและความแห้งแล้งครั้งประวัติศาสตร์ 

ในภาคตะวันตกของสหรัฐฯมีผลโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้การป้องกันไฟป่าทำได้ยากขึ้น 

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้สภาพอากาศพลิกผันสุดขั้วมากขึ้นและเกิดไฟป่าบ่อยครั้งขึ้นและมีอานุภาพทำลายล้างมากขึ้น

ข้อมูลจาก 

https://www.aljazeera.com/…/raging-wildfire-decimates…