Connect with us

News

3 ตำนานความสำเร็จ Speaker จากหลักสูตร The Pinnacle Leadership Program

Published

on

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (SDU) ร่วมกับ บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จำกัด (DURIAN) จัดงาน Open house The Pinnacle Leadership Program หลักสูตรวิทยาการพัฒนาผู้นำระดับสูงอย่างยั่งยืน (วพส.) เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม Lancaster Bangkok, The Siam Balroom

The Pinnacle Leadership Program by L-NET (PLP) หรือ “หลักสูตรวิทยาการพัฒนาผู้นำระดับสูงอย่างยั่งยืน (วพส.)” เป็นหลักสูตรเพื่อสร้างผู้บริหาร ที่มีความรู้ ความสามารถ ในการพัฒนาตนเองและผู้นำองค์กร ขึ้นสู่ระดับสูงสุดของการเป็นผู้นำ จนกลายเป็นตำนานที่คนกล่าวขานถึง โดย “มหาวิทยาลัยสวนดุสิต” (SDU) ที่มีความเข้มแข็งทางด้านวิชาการพร้อมกับ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และ “บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จำกัด” (DURIAN) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างระบบนิเวศน์นวัตกรรม และการบริหารจัดการหลักสูตร สำหรับผู้บริหารระดับสูง ที่มีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ ทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรฯ

ภายในหลักสูตรประกอบไปด้วย 6 Modules หลัก ในการเรียนรู้ ออกแบบเนื้อหาเฉพาะ เพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นสุดยอดผู้นำที่เป็นตำนาน เป็นผู้บริหารระดับแนวหน้าของประเทศ พร้อมด้วยการถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์จริงจากเหล่าผู้นำระดับสูงจากหลากหลายวงการ ที่ผู้บริหารในทุกระดับไม่ควรพลาด

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก Speakers 3 ท่าน ที่เป็นตำนานแห่งความสำเร็จมาร่วมถ่ายทอดความรู้และเคล็บลับในการก้าวไปถึงการเป็นผู้นำที่ดี

It’s Difficult But Possible แนวคิดที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ

คุณวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ และจัดการกองทุน กล่าวว่า

การมีเพื่อนเยอะคือส่วนสำคัญ อย่าเก็บตัวเอง รู้จักเพื่อนเพิ่มขึ้นวันละคนสองคน คนใหญ่ ๆ จะดีมากเลย ไม่ว่าเขาจะวัยไหน เพศไหน การรู้จักกันไว้เป็นสิ่งสำคัญ

คุณวิเชฐ เชื่อว่า Connection เป็นสิ่งสำคัญ อันที่สองคือ คุณวิเชฐ คิดว่าเรื่องที่ยากคือเรื่องที่น่าทำ “It’s Difficult But Possible” ทำอะไรก็ตามแม้มันยาก แต่มันเป็นไปได้ แล้วคุณก็ตัดสินใจลงมือทำ ถ้าคุณคิดกลับกัน “It’s Possible But Difficult” คุณจะหยุดทันที แล้วคุณไม่อยากทำ

ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อีกเรื่องหนึ่งคือ Leadership เมื่อไหร่ที่คุณเป็น Leader แต่ยังไม่มี Leadership คุณจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อไหร่ที่คุณไปเขาจะดีใจ หรือเมื่อไหร่ที่คุณนำเขาแล้วเขาจะไม่ค่อยอยากตามเท่าไหร่ เพราะคุณมีแค่ Leader

คุณวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ และจัดการกองทุน

ดังนั้นคำว่า Leadership ไม่ได้เกิดจากการมีตำแหน่งเป็น Leader ในนิยามของผมที่ผมใช้มาตลอด ความเป็นผู้นำประกอบด้วย 3 สิ่ง คือ

1. การแก้ปัญหา ทุกครั้งแก้ปัญหาได้ต้องทำ

2.การติดสินใจ คุณต้องตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นคุณจะแก้ปัญหาไม่ได้

3.สื่อสารให้เข้าใจ

การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ในบางครั้งข้อมูลที่ได้ไม่ได้ครบถ้วน ผมเคยถูกสอนโดยผู้ใหญ่คนหนึ่ง คือคุณวิโรจน์ นวลแข ท่านบอกว่าผู้นำที่ดีเขาไม่รอพิสูจน์ให้มัน 100% หรอก แค่ 51% เขาก็ตัดสินใจแล้ว ผมจำมาโดยตลอด เพราะ 51% อย่างไรมันก็มากกว่า 50 มากกว่าทุกอย่างเพราะมันเกินครึ่ง ผมเลยบอกว่าต้องตัดสินใจ ข้อมูลมีเท่าไหร่ตัดสินใจ และอย่างที่ 3 คือ การสื่อสารให้เข้าใจ

ถ้าเมื่อไหร่เราแก้ปัญหาของตัวเอง ตัดสินใจของตัวเองคนเดียว แล้วเราตอบได้ว่าเราตัดสินใจแบบนั้นไปเพราะอะไร แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป สามารถยอมรับมันได้หรือไม่ ผิดถูกไม่เป็นไร แต่คุณต้องสื่อสารให้เข้าใจกับตัวเอง สิ่งที่ยากกว่านั้นคือ เวลาตัดสินใจให้ใครที่เป็นผู้ติดตามแล้วแก้ปัญหาให้เขา คุณต้องสื่อสาร ต้องอธิบายว่าผมเลือกวิธีนี้เพราะอะไร อาจจะถูกยอมรับหรือไม่ก็ไม่เป็นไร เราถือว่าเราได้ตัดสินใจแก้ปัญหา ถ้าเราทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเชื่อว่าอันนี้คือ Soft Power นะครับ มันคือเรื่องของการปฏิบัติจนทำให้คนรู้สึกว่ามันไม่ได้มีความเป็นเผด็จการจนเกินไป มันสามารถนำเราไปได้

ผมคิดว่าผมจะทำให้ผมเป็นมนุษย์ที่ Impact กับอะไรก็ตามที่เราทำขึ้นมา ทุกคนสามารถเป็นได้อย่างที่ผมเป็น ถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจและใช้หลักการแบบนี้ สุดท้ายที่ผมอยากจะบอกคือ คุณปิดทองหลังพระบ่อย ๆ ได้ แต่คุณต้องออกมาเคลมหน่อยว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่คุณทำเพื่ออะไร อย่าปิดทองหลังพระแล้วยืนแอบอยู่หลังพระแบบนั้น ผมเชื่อว่าหัวข้อ Become a Legendry นี่หมายความว่าคุณกำลังสร้างตำนานของตัวเองแล้วนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้ เป็น Leader ที่มีผู้ติดตาม ต้องเป็น Leadership ครับ

Legendary ตึกแถว 2 ห้อง สู่บริษัทที่มียอดขายเป็นหมื่นล้าน

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโฮแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะอยากรู้คือ ผมทำจากเล็ก ๆ ไปใหญ่ได้อย่างไร ทั้งที่เราไม่เคยเป็นลูกจ้างใครเลย ไม่เคยมีแบบฟอร์มของการทำบริษัทใหญ่ให้เรียนรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไร ผมเริ่มต้นจากพนักงาน 7-8 คนในบ้าน ตึกแถว 2 ห้องจริง ๆ แล้วที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่างนั้นเป็นเพราะ Vision กับความฝัน ผมมองว่า 2 สิ่งนี้เป็นตัวที่ผลักดันอย่างชัดเจน

ตั้งแต่เรียนปริญญาตรีมีความฝันแรกก็คือ ปลดหนี้ที่บ้าน พอเริ่มปลดหนี้ได้สำเร็จ เราก็เริ่มคิดต่อ อยากจะฝันให้เป็นบริษัทเครื่องเขียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย แล้วก็พยายามมาเรื่อย ๆ จนทำให้บริษัท ออฟฟิศเมท กลายเป็นบริษัทมหาชน

อีกอย่างที่เป็นตัวผมเลยคือ ผมเป็นนักกิจกรรม ซึ่งการทำธุรกิจด้วยและการทำกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์แบบนี้ด้วย มันช่วยหล่อหลอมจิตสำนึกสาธารณะ ผมว่าสิ่งหนึ่งที่เรามีอยู่ก็คือ ในฐานะนักธุรกิจเราต้องแบ่งปันให้สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นแรงจูงใจให้ผมยอมเดินสายบรรยายมาเกือบ 20 ปีแล้ว คือ ผมว่าผู้ประกอบการไทยขาดความรู้ ขาดความเข้าใจในการทำธุรกิจ เนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่มีครูที่เป็นบริษัทต้นแบบ ผมต้องทดลองทำและต้องทดลองผิดถูกเอง อาศัยความรู้ที่ได้ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท มาทำธุรกิจจริง ๆ ไม่มีใครมาสอน มันเลยเป็นความรู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเราทำแล้วมันสำเร็จ มันผ่านด่านได้

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน)
อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโฮแอล จำกัด (มหาชน)

ผมต้องเอามาบอกเล่าให้คนอื่นฟัง เพราะผมเชื่อว่า ประเทศไทยดีได้กว่านี้อีกเยอะเลยครับ ถ้าผู้ประกอบการของเราแข็งแรง หรือบริษัทกลุ่ม SMEs คนที่จะมาจากตึกแถว 2-3 ห้องแล้วกลายมาเป็นบริษัทมหาชน กลายเป็นมียอดขายเป็นหมื่นล้าน ผมว่ามันมีนับนิ้วได้ในประเทศไทย ซึ่งเรื่องแบบนี้ผมคิดว่าเราควรจะมีเป็น 1,000 บริษัท ไม่ใช่มีแค่ไม่กี่บริษัทแบบทุกวันนี้ นี่คือจุดที่ผมคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเอามาถ่ายทอดเอามาเล่าให้ฟัง แล้วทำให้หลาย ๆ คน ไม่ต้องมาลองผิดลองถูกแบบที่ผมผ่านมา สามารถเห็นแนวทาง ผมก็ยินดีให้คำปรึกษาเสมอ

เรื่องแบบนี้แหละครับที่ผมคิดว่าประเทศไทยเราต้องการ คนที่จะมาเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่จะเปิดโอกาสให้กับประเทศ ให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งศักยภาพของประเทศไทยนั้นผมกล้าพูดว่าดีไม่แพ้สิงคโปร์ ดีไม่แพ้ใต้หวัน ดีไม่แพ้เกาหลีใต้ และเราสามารถจะเป็นอย่างประเทศจีนได้ไม่ยากนัก อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าเขา แต่เศรษฐกิจเราสามารถดีในระดับ 7-8% ต่อปี ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปได้ ผมว่าในวันนี้สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำธุรกิจเราให้ดีที่สุดก่อน

ทุกวันนี้ธุรกิจคนไทยแข็งแรงมาก เราจะมีรัฐบาลดีหรือรัฐบาลไม่ดีอย่างไร เราผ่านกันมาหมดทุกรูปแบบ แต่เราก็เติบโตและแข็งแรงกันมาได้ ถ้าเรายิ่งมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี ผมเชื่อว่าเราไปได้อีกไกลเลยครับ นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกว่าสิ่งต่าง ๆ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลาไม่มีวันจบ

ผมทำธุรกิจมาทุกวันนี้ผมก็ยังต้องอ่านอะไรใหม่ ๆ ตลอด เพราะธุรกิจมันเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน เทคโนโลยีมันเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ใครจะไปคิดครับว่าวันนี้คนไม่ดูหนังแบบโรงหนังแล้ว Streaming กันหมด การที่จะเรียนรู้ความสำเร็จต้องเริ่มจากการลงมือทำ

Soft Power การเป็นผู้นำที่สำคัญในยุคปัจจุบัน

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) อดีตอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า

คุณสมบัติสำคัญคือ การเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด คำจำกัดความของผู้นำคือ ผู้นำต้องเป็นคนที่ดึงศักยภาพของตนเองที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อที่จะมาสร้างทีม เพื่อที่จะนำทีมได้บรรลุเป้าหมายที่ดีที่สร้างสรรค์ร่วมกัน เทรนด์ของโลกในวันนี้ คนที่กล่าวมาเป็นผู้นำไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ หรือรัฐกิจ เป็นคนมีความรู้ในเรื่องที่ตัวเองทำทั้งนั้น และหลาย ๆ ท่านบอกว่าผมมีความรู้ ผมได้ตำแหน่งแล้วผมต้องเลิกการเรียน

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) อดีตอธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

เพราะวันนี้งานวิจัยใหม่ยังบอกเลยว่าคอนกรีตที่จริงอาจไม่ต้องมีเหล็กเสริมก็ได้ ซึ่งเราถูกสอนฝังหัวมาว่าคอนกรีตรับแรงตรึงไม่ได้ รับได้แต่แรงอัด เขาบอกไม่ใช่แล้ว ผมก็ต้องไปเรียนรู้ใหม่ ในอดีตที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นตัวพ่อ แต่มันไม่ใช่อีกต่อไป โดยสำหรับศ.ดร.สุชัชวีร์คิดว่า ผู้นำที่ดีจะต้องมี 4 สิ่งนี้ คือ

1. ความรู้ ต้องไปเรียนรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

2. สร้างการเปลี่ยนแปลง ถ้าเกิดเราไปทำงานแล้วปรากฎว่าองค์กรไม่ต้องมีเราก็อยู่ได้ อันนี้ก็ไม่ใช่ ก็ต้องสร้างการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงนี้จะให้ถูกต้อง ก็ต้องมาจากความรู้

คุณบอม โอฬาร วีระนนท์ กรรมการหลักสูตรและผู้ร่วมก่อตั้ง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จํากัด

3. เสียสละ ในที่นี้ก็คือตัวเองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในองค์กรได้ ไม่ใช่คนอื่นทำงานหนักแต่ตัวเรากลับงานน้อย

4. Empathy ผู้นำในยุคนี้ต้องรู้ เรียกว่าเอาใจใส่ เห็นอกเห็นใจ เข้าอกเข้าใจ คำพูดในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปสงสาร แต่ต้องเข้าใจคนร่วมงาน เข้าใจคนอื่น นี่เป็นส่วนสำคัญ

ชาวต่างชาติเขาบอกว่า ในปัจจุบันการจะสอนเด็กรุ่นใหม่ เขาบอกไม่มีใครจำหรอกครับว่า เราเคยทำอะไร แต่เขาจะจดจำว่า ท่านทำให้เขารู้สึกอย่างไร เราอาจจะเป็นผู้นำที่สร้าง Ranking Records ตลอด ซึ่งในชีวิตผม ผมเคยเป็นผู้นำแบบนั้น แต่มันไม่ใช่นะครับ ถ้าเกิดผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะเอาข้อที่ 4 นำ คือ Empathy การเข้าอกเข้าใจคนมันจะเป็นเสน่ห์ของผู้นำ ซึ่งปัจจุบันผมเชื่อว่าท่านมี 3 ข้อครบอยู่แล้ว

Open house The Pinnacle Leadership Program ในครั้งนี้ ได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ จากตำนานที่ประสบความสำเร็จ ที่สามารถนำไปใช้ในการก้าวสู่เป็นผู้นำในอนาคต แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากคุณต้องการที่จะพัฒนาทักษะของตัวเอง ทั้งในเรื่อง Mindset, Skills, Personal Branding, Visions, Network และ Become Legendary สามารถสมัครเข้าร่วมหลักสูตรได้ที่ www.thepinnacle.pro Line: @course.dd

ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่

Website : ThepinnacleDurianCorp

Facebook : The Pinnacle Leadership ProgramDurianCorp

#ThePinnacleLeadershipProgram #PLP

#SDUXDURIAN #SDU

#DURIAN #Becomealegendaryleader

#DURIAN #มหาวิทยาลัยสวนดุสิต #SDU

#หลักสูตรวิทยาการพัฒนาผู้นำระดับสูงอย่างยั่งยืน #วพส

#วิเชฐตันติวานิช #วรวุฒิอุ่นใจ #สุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ #โอฬารวีระนนท์

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: