การระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบกับศิลปินทุกคน คนทำงานจำนวนมากต้องปรับเปลี่ยนแผนการทำงาน
วิกฤตการณ์ครั้งนี้ทำให้สมเถา สุจริตกุล วาทยกร คีตกวี และผู้อำนวยการมหาอุปรากรกรุงเทพ
ได้กลับมาทำงานในวงการภาพยนตร์อีกครั้ง โดยร่วมมือกับพอล สปูริเออร์ ผู้กำกับมือรางวัล
จากอังกฤษ ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างภาพยนตร์ ขึ้นเรื่องนึง โดยสมเถาได้หารือกับพอลว่า
“เรามาทำหนังทุนต่ำร่วมกันสักเรื่องไหม เรื่องราวในหนัง เกี่ยวกับอัจฉริยะดนตรีสติเฟื่อง
พยายามหลอกล่อวงออร์เคสตร้าระดับเยาวชน ให้เล่นผลงานเพลงชิ้นเอก ระดับมาสเตอร์พีซ ของเขา
ก่อนที่ทุกอย่างจะผิดแผนจนใครๆก็คาดไม่ถึง การลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้จะช่วยให้
นักดนตรีในออร์เคสตร้าเยาวชนของผม มีได้มีทำงานทำในช่วงนี้” พอลตอบกลับในทันทีว่า
“ผมอยากทำหนังเรื่องนี้ แต่มีข้อแม้อย่างเดียวคือ คุณ ต้องรับบทเป็น อัจฉริยะดนตรีสติเฟื่อง คนนั้นเอง”
นี่คือที่มาของภาพยนตร์เรื่อง The Maestro: A Symphony of Terror (ดุริยางค์มรณะ)
ซึ่งสมเถาได้ลงมือเขียนบทภาพยนตร์ เขียนเพลงประกอบภาพยนตร์
สำหรับให้วงออร์เคสตร้า ซึ่งต้องเล่นในหนังด้วย ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ด้วยตัวเอง
ภาพนตร์ไทยสองภาษา (ไทย/อังกฤษ) เรื่องนี้กำกับการแสดงโดยพอล สปูร์ริเออร์ ผู้กำกับชาวอังกฤษ
เขียนบทภาพยนตร์และอำนวยการผลิตโดยสมเถา สุจริตกุล นำแสดงโดยนักแสดงมีชื่อ
อาทิ วิทยา ปานศรีงาม, สหจักร บุญธนกิจ รวมทั้งสมเถาด้วยที่แสดงบท ดร. อรุณ แสงสมนึก
คีตกวี/วายกรสติเฟื่อง นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรุ่นใหม่ในวงการหนังใหญ่ ได้แก่
กิตติธัช (อินคำ) กาญจนบวร และชนิศพงศ์ (เจแปน) กังวานเลิศอุไร ร่วมแสดงเป็นนักดนตรีเยาวชน
ในเรื่องอีกด้วย
“เดอะไมสโตร” หรือ “The Maestro” ได้รับเชิญให้เข้าร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโอลเดนเบิร์ก
ที่ประเทศเยอรมนี เป็น Official Selection ในช่วง International Premiere เทศกาลนี้ได้รับการขนานนาม
ว่า เป็นเทศกาลซันแดนซ์ของยุโรป นับเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมของภาพยนตร์ทุนต่ำเรื่องนี้
โดยหลังจากที่เข้าฉายให้ผู้ชมได้รับชมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ได้รับรางวัล Spirit of Cinema อันทรงเกียรติ
จากทางเทศกาลเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
สมเถา เคยเปรยกับทอร์สเตน นิวมานน์ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของเทศกาล ฯ ว่า น่าจะมีวงดุริยางค์
บรรเลงสดในงาน ซึ่งนิวมานน์เห็นด้วยในทันที พร้อมทั้งจัดหางบประมาณสำหรับทีมนักดนตรีไทย
ทั้งหมด30 คน เพื่อไปเข้าร่วมเทศกาล ฯ ตั้งแต่ต้นจนจบงาน นอกจากนั้น สยามซินโฟนิเอตต้า
ยังได้รับเกียรติให้มีส่วนร่วมในการแสดงดนตรีตลอดงานเทศกาล รวมถึงเพลง Oldenburg Fanfare
ซึ่งสมเถาได้ประพันธ์ขึ้นมาใหม่ สำหรับพิธีเปิดเทศกาลนี้โดยเฉพาะ
ในงานกาล่าในวันสุดท้ายของเทศกาล ฯ มีพิธีเปิดงานด้วยการแสดงดนตรีจากวงสยามซินโฟนิเอตต้า
วงออร์เคสตร้าระดับเยาวชนไทยที่เป็นดาวเด่น โดยในงานนี้ ทางวงได้เลือกดนตรีจากภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ
อาทิ นอสเฟอราตู (Nosferatu) ภาพยนตร์ปี 2465 และดนตรีจากภาพยนตร์ของโอวิดิโอ กาเบรียล แอสโซนิติส
ผู้อำนวยการผลิตผู้โด่งดังในช่วงปี 2513—2523 รวมทั้งดนตรีจากภาพยนตร์เรื่อง “เดอะไมสโตร”
มาบรรเลงให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับฟัง โดยหลังจากคอนเสิร์ตจบลง ผู้ชมภายในโรงมหาอุปรากรประวัติศาสตร์
แห่งโอลเดนเบิร์ก ที่มีผู้เข้าชมเต็มทุกที่นั่ง ก็แสดงความชื่นชมด้วยเสียงปรบมืออันกึกก้องยาวนานถึง 10 นาที
พอล สปูร์ริเออร์ ผู้กำกับการแสดงได้กล่าวแนะนำภาพยนตร์เรื่อง “เดอะไมสโตร” แบบติดตลกว่า
“เดอะไมสโตร” เป็นโครงการใหญ่ แต่ทุนจำกัด จึงต้องคิดหนักว่าจะให้ใครรับบทวาทยกรสติเฟื่องคนนี้
จะเป็นเอียน แมคแคลเลน หรือจอห์นนี่ เดปป์ แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากขอร้องให้ สมเถา รับบทเป็น “เดอะไมสโตร”
สำหรับ ทอร์สเตน นิวมานน์ แสดงความเห็นว่า การที่ได้เห็นภาพยนตร์ไทยในเทศกาลใหญ่ๆที่เยอรมนี
คือ “การเฉลิมฉลอง การกลับมาของการร่วมมือด้านวัฒนธรรมระดับโลก เป็นสัญญาณดีของความหวัง”
“เดอะไมสโตร” ได้สื่อสารกับโลก ว่า ไม่ว่าจะต้องเผชิญอุปสรรคใดก็ตาม การสร้างสรรค์งานของศิลปิน
ไม่มีวันหยุด ศิลปิน จะหาทางทำงานร่วมกันจนได้ ไม่ว่าหนทางนั้นจะยากลำบากสักเพียงใด
You must be logged in to post a comment Login