ภาพวาดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน ในปี ค.ศ. 1666 โดยจิตรกรนิรนาม(ภาพถูกเขียนขึ้นในปี 1675)
ในภาพจะเป็นเหตุเพลิงที่กำลังลุกไหม้ในช่วงเย็นวันอังคาร โดยมองจากเรือที่อยู่ใกล้ ๆ อู่เรือแคธารีน
เห็นหอคอยลอนดอน อยู่ด้านขวาและสะพานลอนดอน อยู่ด้านซ้าย
ในภาพจะเห็น อาสนวิหารเซนต์พอล อยู่ในระยะไกล กำลังถูกเพลิงลุกไหม้เป็นเปลวสูง
ภาพจาก Great Fire of London – Wikipedia
ไฟได้เผาผลาญทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลอง รวมถึง อาสนวิหารเซนต์พอล
มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอน (Great Fire of London) คือเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่สุด
เท่าที่เคยเกิดขึ้นในอังกฤษ ไฟไหม้ลุกลามกินบริเวณพื้นที่ใจกลางของกรุงลอนดอนเป็นวงกว้าง
ไฟเริ่มลุกไหม้ตั้งแต่กลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน กว่าเพลิงจะสงบก็ต้องรอถึง
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2209 อาคารบ้านเรือนที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคกลาง
ในบริเวณกำแพงเมืองโบราณสมัยโรมัน ได้ถูกเพลิงได้เผาผลาญราบเป็นหน้ากลอง
เพลิงยังลุกลามเป็นวงกว้าง เกือบถึงบริเวณเขตเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งพระราชวัง
ของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 และเกือบจะลุกลามไปถึงสลัมใหญ่ชานเมืองลอนดอน
เพลิงได้เผาไหม้บ้านไป 13,000 หลัง โบสถ์ประจำชุมชน 87 แห่ง รวมทั้ง อาสนวิหารเซนต์พอล
โบสถ์สำคัญของอังกฤษ และอาคารที่ทำการของทางการเกือบทั้งหมด มีการประมาณการณ์กันว่า
เหตุไฟไหม้ดังกล่าว ทำให้ประชากรกว่า 70,000 คน จากจำนวนประชานกรทั้งหมด 80,000 คน
กลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีรายงานที่แน่นอนของจำนวนผู้เสียชีวิตว่ามีเท่าใด
ต้นเพลิง เกิดจากร้านขนมปัง ในตรอกพุดดิ้ง หลังเที่ยงคืนเล็กน้อยและลุกลามอย่างรวดเร็ว
การดับเพลิงในสมัยนั้น ใช้วิธีการรื้อทำลายอาคารเพื่อเป็นแนวกันไฟไม่ให้ไฟไหม้ลุกลาม
แต่การขออนุญาตรื้ออาคาร จากนายกเทศมนตรีของลอนดอน ได้รับการอนุมัติล่าช้ามาก
กว่าจะได้รับการอนุมัติให้รื้อทุบอาคารเป็นแนวกันไฟได้ ก็เกิดลมแรงกรรโชก ทำให้ไฟจาก
โรงงานทำขนมปัง ลุกลามไปติดอาคารโดยรอบ กลายเป็นทะเลเพลิง
เช้ามืดวันจันทร์ เพลิงได้โหมลุกลามขึ้นเหนือ เข้าสู่ใจกลางเมือง พร้อมทั้งข่าวลือสะพัดไปทั่วว่า
คนต่างชาติเป็นผู้วางเพลิง สร้างความโกรธแค้นให้คนทั่วไป โดยผู้ต้องสงสัยกลายเป็นเหยื่อในครั้งนี้
คือคนฝรั่งเศสและชาวดัตช์ ซึ่งเคยเป็นคู่อริของอังกฤษในระหว่างสงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์
ครั้งที่สอง เป็นเหตุให้คนเหล่านี้ถูกรุมทำร้ายท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้นตามท้องถนน
เมื่อถึงวันอังคาร เพลิงได้ลุกลามไปเกือบทั่วเมือง เผาผลาญ อาสนวิหารเซนต์พอล และยังได้ลุกลาม
ข้ามแม่น้ำฟลีต (แม่น้ำใต้ดิน) มุ่งสู่ราชสำนักของกษัตริย์ชาร์ลที่ 2 ที่ ไวท์ฮอลล์
มีการระดมพนักงานดับเพลิงจำนวนมาก เพื่อทำการสะกัดกั้นไฟไหม้ ไม่ให้ลุกลามไปยังเขตพระราชฐาน
การควบคุมไฟไหม้ให้สงบลงได้นั้น เกิดจากปัจจัยสำคัญสองประการคือ ลมตะวันออกได้หยุดพัดพอดี
และการใช้ดินระเบิดทำลายอาคาร เพื่อสร้างแนวกันไฟ ซึ่งได้ผลรวดเร็วกว่าการใช้กำลังคนรื้อถอนทำลาย
ผลจากอัคคีภัยใหญ่ครั้งนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม มหาศาล อาคารบ้านเรือน
ถูกทำลาย ผู้คนกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย ขาดแคลนอาหารการกิน เกิดภาวะอดยากยากแค้นไปทั่ว
พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ของอังกฤษ รับสั่งให้รีบอพยพคนจากลอนดอน ด้วยเกรงว่าจะเกิดการจลาจล
ภายหลังมีข้อเสนอในการฟื้นฟูเมืองขึ้นใหม่หลายแบบ แต่ในที่สุด
การก่อสร้างฟื้นฟู ก็ยังคงสร้างตามแนวโครงถนนดั้งเดิม
ข้อมูลจาก
มหาอัคคีภัยแห่งลอนดอน – วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
Great Fire of London – Wikipedia
You must be logged in to post a comment Login