โดยเชลซีขึ้นนำก่อน จากลูกโหม่งสุดสวยของฮาแวตซ์ ก่อนที่ซาล่าห์จะสังหารลูกจุดโทษตีเสมอ
ศึก”บิ๊กแมตช์” ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่สุดท้ายของวันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม 2564
ที่ผ่านมา เป็นการลงเตะนัดที่ 3 เป็น บิ๊กแมตช์ ประจำคืนวันเสาร์ ระหว่างทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล
เปิดบ้านสนามแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี
ซึ่งหลังจากลงเตะมา 2 นัด ทั้งสองมีคะแนนเท่ากัน ครองตำแหน่งจ่าฝูงร่วมกัน มีลูกได้เสียเท่ากัน
แถมยังยิงประตูได้เท่ากัน เดิมพันชัยชนะสำหรับนัดนี้คือ ตำแหน่งจ่าฝูง ของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
เจ้าบ้าน “หงส์แดง” มีการปรับทัพแบบเซอร์ไพรส์เล็กน้อยด้วยการส่ง โรแบร์โต้ เฟอร์มีโน่
ลงมาเล่นเป็นตัวจริงแทนดิโอโก้ โซต้า ที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมา 2 นัดก่อนหน้านี้
แถมยิงประตูได้ทั้งสองเกมส์โดยเฟอร์มีโน่ ลงมาเล่นในตำแหน่งกองหน้าเป็น 3 ประสาน
ในแนวรุกร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และซาดิโอ มาเน่
ส่วนในแดนกลางฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ได้รับความไว้วางใจให้ลงเป็นตัวจริงอีกนัด
โดยมีหน้าที่คอยช่วยปั้นเกมส์ในแดนกลางร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และฟาบินโญ่
ลิเวอร์พูล ผู้จัดการทีม : เยอร์เก้น คล็อปป์ (เล่นระบบ 4-3-3) : อลิซง เบ็คเกอร์
เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌเอล มาติ๊ป, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
(คอสตาส ซิมิคาส น.86) ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น.75),
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต – โมฮาเหม็ด ซาลาห์,โรแบร์โต้ เฟอร์มีโน่ (ดีโอโก้ โชต้า น.43), ซาดิโอ มาเน่
ส่วนทางฝั่ง สิงโตน้ำเงินคราม มีการปรับทัพเพียงตำแหน่งเดียวโดยส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้
ลงมาทำเกมส์ในแดนกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ ส่วนแนวรุกทั้ง 3 ตำแหน่ง ยังคงเป็นชุดเดิม
โดยมีทั้งตัวจี๊ดอย่าง เมสัน เมาท์,ตัวเก๋าอย่างโรเมลู ลูกากู
และกองหน้าจอมเทคนิคอย่างไค ฮาแวตซ์
เชลซี ผู้จัดการทีม : โธมัส ทูเคิ่ล (เล่นระบบ 3-4-3) : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า,
อันเดรส คริสเทนเซ่น, อันโตนิโอ รุดดิเกอร์ – รีซ เจมส์, จอร์จินโญ่ (เทรวอร์ ชาโลบาห์ น.87),
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (มัตเตโอ โควาซิช น.46), มาร์คอส อลองโซ่ – เมสัน เมาท์, โรเมลู ลูกากู,
ไค ฮาแวร์ตซ์ (ติอาโก้ ซิลวา น.46)
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งแรก หงส์แดงเจ้าบ้าน ครองบอลทำเกมส์บุกเข้าใส่ตามถนัด ในขณะที่แนวรับของ
ทีมสิงห์บลู ก็เล่นแบบรัดกุม รอเก็บบอลทำเกมส์โต้กลับในจังหวะของตัวเอง
นาทีที่ 9 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โยนขึ้นหน้า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งเข้ามาแปด้วยเท้าซ้าย
บอลปลิ้นหลุดออกไปทางเสาไกล ชวดโอกาสได้ประตูขึ้นนำ
เกมส์เดินต่อมา ลิเวอร์พูลพาบอลเข้าไปเล่นในแดนของเชลซีเป็นส่วนใหญ่ มีจังหวะหวาดเสียว
จากลูกยิงของ เอลเลียตต์และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบอย่างที่ต้องการ
กลายเป็นทีมเยือนที่เด็ดขาดกว่า เมื่อเชลซีได้ลูกเตะมุมในช่วงนาทีที่ 21 รีซ เจมส์เปิดลูกเตะมุม
เข้ามาหน้าประตูไค ฮาแวตซ์ ฉีกตัววิ่งขึ้นมาทางเสาแรก พร้อมโหม่งเสยใช้หัวเช็ดบอล
ลอยโด่งย้อยเสียบคานเข้าประตูไปสุดสวย แม้อลิซง เบคเกอร์ นายทวารมือหนึ่งของหงส์แดง
จะผวาบินมาสุดเหยียดแล้ว ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำไป 0-1 ในนาทีที่ 22
เมื่อโดนขึ้นนำ ผู้เล่นเจ้าบ้านเหมือนจะช็อคกันไปชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้ ก็ทำเกมส์บุกเข้าใส่
ทีมเยือนเหมือนเดิม แต่ทีมเยือนเมื่อได้ประตูขึ้นนำ ก็มั่นใจมากขึ้น พยายามตัดบอลทำเกมส์โต้กลับ
ทั้งสองทีมมีโอกาส พาบอลไปสร้างความหวาดเสียวด้วยกันทั้งคู่
นาทีที่ 43 “หงส์แดง” เจ้าบ้านต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลังเมื่อโรเบอร์โต้ เฟอร์มีโน่
มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไปไม่ไหว เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงส่ง ดีโอโก้ โชต้า ลงมาเล่นแทนเฟอร์มีโน่
เกมส์ดำเนินไปจนถึงช่วงต่อเวลา เจ้าบ้านได้ลูกเตะมุมบอล แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้ามา
ที่หน้าประตูของเชลซีซาดิโอ มาเน่ ขึ้นโหม่งบอลปลิ้นหลุดไปทางเสาไกล โฌเอล มาติ๊ป
วิ่งตามมาตวัดบอลก่อนที่ลูกจะออกหลัง อลองโซ่และเมนดี้ นายทวารของเชลซี แย่งกันเล่น
ทำให้บอลลอยมาทาง มาติ๊ป โหม่งบอลไปชนคานกระดอนออกมาหน้าปากประตู
กองหลังเชลซีหวดสกัดพลาด มาเน่ วิ่งมาเหยียบบอลหวังให้เข้าประตู บอลไปติดตัว รีซ เจมส์
ที่ใช้แขนสกัดบอลอยู่บนเส้นประตู บอลกระดอนออกมาอีกรอบ ไค ฮาแวตซ์ วิ่งตามมาเล่นบอล
บรรดานักเตะของลิเวอร์พูลวิ่งไปประท้วงกรรมการ ฟ้องว่าบอลไปโดนแขน รีซ เจมส์
ผู้ตัดสินแอนโธนี่ เทย์เลอร์ วิ่งไปดูจอมอนิเตอร์ข้างสนาม
ดูได้แป็บเดียวก็วิ่งกลับมาควักใบแดงไล่รีซ เจมส์ ออกจากสนาม และให้ให้จุดโทษแก่เจ้าถิ่น
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษ และซาล่าห์ก็ทำหน้าที่ไม่พลาดซัดบอลเข้าประตูไปเต็มแรง
เมนดี้ นายทวารของเชลซีหลงพุ่งไปคนละทาง ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่ตีเสมอมาเป็น 1-1
ในนาที 45+5 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้ ลิเวอร์พูลเจ้าบ้าน เสมอกับทีมเยือน เชลซี 1-1
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งหลัง เชลซีปรับแผนเพื่อเล่นตั้งรับ เนื่องจาก รีซ เจมส์ถูกไล่ออก
เหลือตัวผู้เล่นเพียง 10 คนโดยการส่งติอาโก้ ซิลวา และมัตเตโอ โควาซิช ลงมาแทน
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และไค ฮาแวตซ์ เจ้าบ้านแทบจะพับสนามเล่นอยู่ในแดนของทีมเยือน
พยายามเจาะแนวรับของเชลซีเข้าไปทำประตู แต่ก็ทำได้แค่หวาดเสียวเพราะแนวรับของ
ทีมสิงห์บลู เล่นกันแบบรัดกุม ยืนปิดฟื้นที่กันแน่นหนา แทบไม่มีช่องให้ทีมหงส์แดง
ลากบอลเข้าไปยิงประตู ส่วนทีมเยือน ก็รอจังหวะที่เจ้าบ้านพลาด ทำเกมส์สวนกลับมาบ้าง
แต่ก็ทำได้ไม่บ่อยนัก เพราะแนวรับของเจ้าบ้านเก็บบอลแถวสองได้เกือบหมด
เล่นกันไปจนหมดเวลาก็ไม่มีทีมไหนทำประตูกันได้เพิ่ม ทำให้จบเกมส์
ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านเสมอกับ เชลซี 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทั้งสองทีมมีเพิ่มเป็น 7 แต้ม
เท่ากันกับอีก 2 ทีมบนหัวตารางอย่าง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเพิ่งบุกไปเอาชนะ ไบรท์ตันได้ถึงถิ่น 0-2
และ เวสต์แฮม ซึ่งเพิ่งเสมอกับคริสตัล พาเลซมาอย่างน่าเสียดาย
แต่ขุนฆ้อน มีประตูได้เสียดีกว่า ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราว
You must be logged in to post a comment Login