สจ๊วร์ต ดัลลัส รับบทพระเอกของทีม”ยูงทอง”ลีดส์ ยูไนเต็ด กดไปครึ่งละลูกช่วงท้ายเกมส์ ทำให้ทีมสร้างผลงานสุดเหลือเชื่อ ด้วยการยัดเยียดความปราชัย ให้กับว่าที่แชมป์ประจำฤดูกาลนี้ได้ถึงถิ่นที่สนามเอธิฮัต สเตเดี้ยม
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันเสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เวลา 18.30 ตามเวลาประเทศไทย เป็นการพบกันระหว่างเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงของตารางเปิดบ้าน เอธิฮัต สเตเดี้ยมต้อนรับการมาเยือนของลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 11 ของตาราง
ผลงานของทั้งสองทีมก่อนที่เกมส์นี้จะเริ่มต้นขึ้น เจ้าบ้านแมนฯซิตี้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บชัยชนะมาได้ 6 เกมส์ติดต่อกัน ในขณะที่ลีดส์ฯ ผลงานก็ถือว่าไม่น่าเกลียด อยู่กลางๆตารางคะแนน 2 นัดล่าสุดก็เอาชนะคู่แข่งมาได้ แต่ทุกสำนักล้วนฟันธงว่า เกมส์นี้เจ้าบ้านน่าจะเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เกมส์ครึ่งแรกเริ่มต้นขึ้น ความน่าสนใจของเกมส์อยู่ที่แทรคติคของกุนซือทั้งสองที่จะงัดเอามาใช้เพื่อให้ทีมเก็บ 3 แต้มกลับบ้านได้ โดยโอกาสเป็นของเจ้าบ้านอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการทำเกมส์กดดันสูง ขึงผู้เล่นทีมลีดส์อยู่ในแดนตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ มีโอกาสเข้าไปจบสกอร์หลายครั้ง โดยเฉพาะ ราฮีม สเตอร์ริ่ง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูขึ้นนำได้ ทีมเยือนก็มีโอกาสบ้างในนาทีที่ 16 เมื่อไทเลอร์ โรเบิร์ตส์เปิดบอลขวางจากริมเส้นด้านขวาของสนามเข้าไปบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของแมนฯซิตี้ แพทริค แบมฟอร์ด พยายามวิ่งเข้าหาลูกหวังซัดประตู แต่กลายเป็นจังหวะไม่พอดี กลายเป็นก้าวข้ามลูกบอลหลุดออกจากสนามไป ทิ้งโอกาสทำประตูไปอย่างน่าเสียดาย เวลาต่อมาเจ้าบ้านก็ยังโหมเกมส์บุกเข้าใส่ไม่หยุด แต่โอกาสที่จะได้ประตูขึ้นนำแบบชัดเจนก็ยังไม่มี จนเกมส์เข้าสู่ 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาครึ่งแรก ในนาทีที่ 42 เมื่อเอลแดร์ คอสต้าลากบอลเข้าไปในแดนเจ้าบ้าน ก่อนที่จะตวัดด้วยเท้าซ้ายส่งลูกไปให้แพทริค แบมฟอร์ด ที่บริเวณหน้าประตู แบมฟอร์ดลังเลอยู่นิดนึงก่อนที่จะตัดสินใจส่งบอลต่อไปให้ สจ๊วร์ต ดัลลัส ซึ่งวิ่งตามมาซัดบอลไปชนเสาแรกบอลกระเด็นไปเข้าประตูฝั่งเสาไกล ทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำเจ้าบ้านแบบช็อคกันไปทั้งสนาม เพราะเป็นครั้งแรกที่ลีดมีโอกาสได้บุกเข้าไปทำประตู ก่อนจบเกมส์ครึ่งแรกยังมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น จากจังหวะที่เลียม คูเปอร์ กัปตันทีมของลีดส์ เข้าสกัดบอลแล้วยกเท้าค้างไว้เป็นเหตุให้เท้าย่ำเข้าไปที่บรอเวณหัวเข่าของเกเบรียล เชซุส ทำให้ถึงกับทรุดลงไปนอนกองกับฟื้น ได้ใบเหลืองไป ก่อนที่ผู้ตัดสิน อังเดรย์ มาร์ริเนอร์ จะเปลี่ยนคำตัดสินแจกใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังจากได้ดูภาพจากวีเออาร์ ทำให้จบเกมส์ครึ่งแรก ทีมเยือนลีดส์ ยูไนเต็ดขึ้นนำเจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ซิตี้ไป 0 – 1 โดยเหลือผู้เล่นในสนามเพียง 10 คน
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งหลัง เจ้าบ้านอาศัยความได้เปรียบจากตัวผู้เล่นที่มากกว่า ทำเกมส์บุกใส่ไม่ยั้ง มีโอกาสเข้าไปลองส่องประตูหลายหน แต่ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมืออิลล็อง เมสลิเย่ร์ นายทวารของลีดส์ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมส์นี้ จนถึงนาทีที่ 75 เมื่อแฟร์นานดินโญ่ส่งบอลไปให้แบร์นาโด้ ซิลวาในกรอบเขตโทษของลีดส์ก่อนที่จะส่งบอลต่อไปให้แฟร์ราน ตอร์เรส วิ่งเข้ามาซัดเต็มเท้าขวาลูกพุ่งเข้าประตูไป เจ้าบ้านตามมาตีเสมอได้เป็น 1 – 1 หลังจากตีเสมอได้ เจ้าบ้านก็ยิ่งบุก ดาหน้ากันเข้ามากดดันเกมส์ทีมเยือนหวังทำประตูชัย เวลาล่วงมาจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 เมื่อเอซญาน อาลิออสกี้จ่ายบอลสั้นจากกลางสนามไปให้สจ๊วร์ต ดัลลัสควบบอลหนีตัวประกบลากเข้าไปยิงบอลลอดขาเอแดร์ซอน นายทวารเจ้าบ้านเข้าประตูไป อย่างสุดช็อค เวลาที่เหลือเจ้าบ้านพยายามจะทวงประตูตีเสมอแต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้ ทำให้เมื่อจบเกมส์ลีดส์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ถึงถิ่น 1 – 2 ขยับขึ้นมารั้งที่ 9 ของตารางคะแนน ส่วน “เรือใบสีฟ้า” ยังนำเป็นจ่าฝูงต่อไป ทิ้งห่างทีมอันดับสองของตารางคู่แข่งร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ 14 แต้มและมีแมตซ์การแข่งมากกว่าสองนัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) โค้ช เป็ป กวาร์ดิโอล่า : เอแดร์ซอน โมราเอส – ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ – แฟร์นานดินโญ่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา – ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฟร์ราน ตอร์เรส, กาเบรียล เชซุส
ลีดส์ ยูไนเต็ด (4-4-1-1) โค้ช มาร์เซโล่ บิเอลซ่า : อิลล็อง เมสลิเย่ร์ – ลุค อายลิ่ง, ดีเอโก้ ยอเรนเต้, เลียม คูเปอร์, เอซญาน อลิออสกี้ – คัลวิน ฟิลลิปส์ – ราฟินญ่า, สจ๊วร์ต ดัลลัส, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์, เอลแดร์ คอสต้า – แพทริค แบมฟอร์ด
You must be logged in to post a comment Login