ธันวา เผย รอตั้งนาน ลด GP ให้ร้านอาหารแค่ 5% หน่อมแน่มโนะ แนะห่วงผลประโยชน์คนส่วนใหญ่มากกว่าทุนใหญ่ ชี้หมดตัวกันไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายธันวา ไกรฤกษ์ สมาชิกพรรคกล้า แสดงความเห็นส่วนตัวกรณีผู้ประกอบการร้านค้าที่กำลังได้รับความเดือดร้อนขณะนี้ โดยระบุว่า โพสต์นี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ’หน่อมแน้มโนะ’ น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมาตรการช่วยเหลือกลุ่มร้านอาหาร หลังจากที่ตัวแทนผู้ประกอบการได้พยายามเรียกร้องกับรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง
ทุกคนทราบดีว่าจุดเริ่มต้นของการระบาดคือเลานจ์ ที่ทุกวันนี้ก็ยังจับมือใครดมไม่ได้นอกจากแพะ และสั่งเด้ง2-3คนเข้าเซฟเฮาส์ แต่คนซวยกลับกลายเป็นร้านอาหารทั้งประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพ ปริมณฑล และพื้นที่สีแดงอีกหลายจังหวัด
ซึ่งอันที่จริงแล้ว รัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้บังคับใช้มาตรการกับร้านอาหารเป็นกลุ่มแรก ต้องคิดเองได้ก่อนว่าผลกระทบของมาตรการคืออะไร เขาจะเดือดร้อนและต้องการการช่วยเหลืออย่างไร แล้วเร่งออกนโนยายเชิงรุกเพื่อป้องกันและลดทอนความสูญเสีย ไม่ใช่รอให้เจ๊งไปกว่าแสนรายแล้วพึ่งมาขยับ
เช่นล่าสุดกรณีลดค่าจีพี(ส่วนแบ่งจากการขาย) ของบริษัทขนส่งอาหาร ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่มันล่าช้ามากๆที่พึ่งมาทำตอนนี้ แถมสัดส่วนที่ลดก็น้อยเหลือเกิน คือจาก 30% เป็น 25% กับระยะเวลาแค่ 1 เดือน ซึ่งผ่านมาตั้งนานสองนาน หมดตัวกันไปไม่รู้เท่าไหร่ แล้วมาเจรจาลดให้แค่นี้ ระยะเวลาแค่นี้ มันจะไปช่วยอะไรเขาได้ เหมือนแค่แปะชื่อไว้ว่ารัฐบาลทำแล้วนะ
หลายคนอาจคิดว่าภาคธุรกิจอื่นเดือดร้อนเยอะแยะ แล้วกลุ่มธุรกิจร้านอาหารสำคัญยังไง ซึ่งอันที่จริงมันไม่ได้กระทบแต่ตัวเจ้าของร้านหรือผู้ประกอบการเท่านั้น หากแต่ยังกระทบไปถึงภาคการเกษตร ภาคการผลิต และการจ้างงาน โดยในห่วงโซ่ทั้งหมดนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายล้านคนด้วยกัน
ดังนั้น รัฐบาลควรทบทวนว่าการลดค่าจีพีสำหรับการขนส่งอาหาร ในสภาวะที่แม้คลายมาตรการแล้วคนก็ยังไม่กล้าไปนั่งกินอยู่ดีนั้น ‘สำคัญมากน้อยแค่ไหน’ ถ้าขาดความสามารถในการเจรจาเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่านี้ นานกว่านี้ อาจลองจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องบางส่วนเพื่อชดเชยได้บ้างหรือไม่
การลดส่วนกำไรของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่รอด หรืออาจนำไปเป็นส่วนลดจูงใจให้เกิดการสั่งซื้อจากผู้บริโภคมากขึ้นนั้น จะเป็นประโยชน์กับทั้งคนกินและคนขาย ซึ่งถือเป็นคนส่วนใหญ่ สำหรับคนส่วนน้อยแต่ทุนใหญ่ไม่ต้องไปห่วงเขา บางรายทำธุรกิจโดยไม่มีกฎหมายรองรับมาหลายปี แสดงบัญชีแบบตามใจฉัน ได้ไปเยอะมากพอแล้ว
ปล.การช่วยเหลือของรัฐในปัจจุบัน จริงอยู่ที่มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา แต่ขอฝากไว้เป็นข้อพิจารณาสำหรับอนาคต ว่าการออกมาตรการใดๆนั้น ‘ควรจะคิดถึงผลที่ได้รับ’ และพยายามป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าให้กลายเป็นนานโนะกว่าจะคิดออก แถมออกมาแล้วยังหน่อมแน้มโนะ แบบนี้อีก
You must be logged in to post a comment Login