Connect with us

Politics

“ก้าวไกล” ข้องใจพระเป็นสมาชิกพรรคไม่ได้ แต่ทำไมศาสนาอื่นเป็นได้

Published

on

รัฐสภาฯ เดินหน้าแก้ร่างกฎหมายพรรคการเมือง อภิปรายหนักแก้คุณสมบัติสมาชิก

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า สำหรับมาตราที่น่าสนใจนั้นในการประชุมดังกล่าวได้ใช้เวลาพิจารณาในส่วนของมาตรา 4/1 แก้ไขมาตรา 24 ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะร่วมเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง

ซึ่งกมธ. พิจารณาเพิ่มบทบัญญัติขึ้นใหม่ และมีกมธ.เสียงข้างน้อย รวมถึงสมาชิกรัฐสภาติดใจขอแปรญัตติ โดยเฉพาะประเด็นที่ขอสิทธิให้บุคคลที่ต้องโทษจำคุก , ผู้ที่เคยจำคุกและพ้นโทษมาแล้ว 5 ปี รวมถึงส.ว. หรือบุคคลที่พ้นตำแหน่งส.ว. ไม่ครบ 2 ปีสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองสามารถมีสมาชิกพรรคการเมืองเพิ่มขึ้นได้

โดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า สิ่งที่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของคนที่เป็นพลเมือง คือพลเมืองทุกคนในประเทศนี้มีสิทธิเท่าเทียมกัน ซึ่งตนไม่สนใจว่าจะต้องโทษมาหรือไม่ หรือพ้นมาแล้วกี่ปี แต่หากจะตัดสิทธิในการเป็นกรรมการบริหารพรรค ตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตัดสิทธิความเป็นรัฐมนตรี ด้วยเงื่อนไขลักษณะเฉพาะบางประการ

เช่นหากมีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ก็ว่ากันไป เพราะวันนี้ยังมีคดีที่ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องคุณสมบัติของส.ส.อีกหลายคน ที่เคยต้องคำพิพากษาหรือต้องโทษจำคุกมายังไม่สิ้นสุด ซึ่งคนควรจะรู้คุณสมบัติขั้นพื้นฐานตั้งแต่ต้น เห็นว่าเมื่อพ้นโทษมาแล้วก็มีสิทธิ์เต็มที่ ไม่ควรมีกฎหมายจำกัดสิทธิ์ เราสามารถปลดล็อคให้เขามีที่ยืนได้ ดังนั้นควรให้นักโทษจำคุกทุกคน เป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้

ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า พรรคการเมืองเป็นสถานบันที่จำเป็นต้องมีสมาชิกหลากหลาย คนที่เคยล้มละลายมา ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เขามีแนวคิดทางการเมืองดีๆก็ได้ ทำไมต้องไปตัดสิทธิ์เขา และคนที่กระทำความผิดแบบที่กฎหมายกำหนดก็สามารถกลับตัวได้ แล้วจะตัดสิทธิ์ไม่ให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองได้อย่างไร ร่างของกมธ.เสียงข้างมาก บอกเลยว่ากีดกันคนล้มละลาย ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว หรือบอกว่าพ้นโทษไม่ถึง10ปี ไม่ให้เป็นสมาชิกพรรค

ทั้งที่เป็นเรื่องส่วนตัว และที่สำคัญเป็นบุคคลลักษณะต้องห้ามไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งตามมาตรา 98 (1) คือเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช ในศาสนาพุทธ ไม่สามารถที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือตั้งพรรคการเมืองได้ ทำไมนักพรต นักบวชในศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ มีสิทธิ์เป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ มีสิทธิ์ก่อตั้งพรรคการเมืองได้

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ร่างของกมธ.เสียงข้างมากเป็นการจำกัดสิทธิ์อย่างมากมาย เราใช้แนวคิดเสรีนิยมมาใช้ไม่ได้หรือ ทำไมต้องใช้แนวคิดเผด็จการ เราหาคนดีไม่ได้ หรือคนดีคือคนที่มีบุญคุณกับท่าน ดังนั้นการเปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัย ทุกชาติ ทุกศาสนา คนทำผิดซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวมีสิทธิ์ชอบธรรมในการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จึงเห็นว่าควรตัดมาตรานี้ออกไป แต่ควรจะเปิดเสรี เชื่อว่าจะทำให้พรรคการเมืองเติบโตเข้มแข็ง เติบโตจากประชาชนไม่ใช่เติบโตจากฝ่ายเผด็จการบางคน หรือลูกน้องเผด็จการบางคนที่ออกกฎหมายมาบีบให้พรรคการเมืองไม่เติบโตหรือแคระแกรน

ขณะที่นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายว่า ตามกฎหมายคนไทยมีสิทธิเสรีภาพจัดตั้งพรรคการเมืองตามวิถีประชาธิปไตย และเป็นอิสระไม่ถูกครอบงำ คนที่เคยเป็นส.ว. ทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อพ้นตำแหน่งแล้ว ห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ช่วยให้ความคิดเห็นเสนอแนะนโยบายและตัวบุคคลที่สมัครรับเลือกตั้ง ตนเห็นด้วยจำกัดสิทธิแต่ต้องมีเหตุผลและต้องพิจารณาความจำเป็น

เพื่อจำกัดคนไม่ดี ไม่ควรให้สมัครเป็นส.ส. หากลอกมาทั้งหมดห้ามคนที่ไม่ควรเป็นส.ส. ห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเยอะเกินไป ทั้งนี้ตนไม่เห้นด้วยที่จะห้าม อดีตส.ว. เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่บอกว่าจะไปเอื้อประโยชน์นั้น หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ถูกห้ามไว้แล้วในกฎหมายอื่น ถูกห้ามเป็นตลอดชีพ ทั้งรัฐมนตรี ผู้บริหาร องค์กรอิสระ ตุลาการ ดังนั้นการห้ามไม่ให้อดีตส.ว.เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเยอะเกินไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ที่ประชุมอภิปรายแล้วเสร็จได้ลงมติ ปรากฎว่าเสียงข้างมาก 262 เสียง เห็นชอบกับเนื้อหาที่กมธ.เพิ่มขึ้นใหม่ ต่อ 51 เสียง ทั้งนี้มีผู้งดออกเสียงจำนวนมาก ถึง 126 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง

สำหรับเนื้อหาที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาเสียงข้างมาก พบว่าได้ลดหย่อนคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่สำคัญคือ ข้อห้ามบุคคลที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก กรณีทำผิดต่อตำแหน่งราชการ , ตำแหน่งหน้าาที่ในการยุติธรรม, ทำผิดกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในอค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ให้สิทธิบุคคลที่ต้องคำพิพากษากรณีดังกล่าวที่รอการลงโทษสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้

ต่อมาที่ประชุมพิจารณา มาตรา 6 แก้ไขมาตรา47 เกี่ยวกับให้ตัวแทนพรรคการเมืองหรือสาขาพรรค สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบ่งเขต โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายว่า แก้ไขแบบนี้เท่ากับเป็นการตัดวรรคสองของมาตรา 47 เดิม ซึ่งในวรรคนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำไพรมารีโหวต เป็นการทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสรรหาตัวผู้สมัครส.ส. ซึ่งถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมือง ดังนั้นตนจึงขอเสนอให้ตัดมาตรา 47 ที่กมธ.แก้ไข แล้วให้กลับไปใช้มาตรา 47 ของเดิม

จากนั้นที่ประชุมลงมติยืนตามที่กมธ.แก้ไข ด้วยคะแนน 354 ต่อ15 งดออกเสียง3 ไม่ออกเสียง2 เสียง อย่างไรก็ตามในมาตรา 7 แก้ไขมาตรา 48 เกี่ยวกับให้ตัวแทนพรรคการเมืองหรือสาขาพรรค สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น นายเสรีก็ได้อภิปรายซ้ำในลักษณะเดิมเหมือนกับมาตรา 6 ไม่ต้องการให้ตัดการทำไพรมารีโหวตออก แต่ไม่ติดใจแล้ว เนื่องจากแนวคิดของตนได้แพ้ไปตั้งแต่มาตรา 6 ทั้งนี้ที่ประชุมลงมติยืนตามกมธ.เสียงข้างมากแก้ไข ด้วยคะแนน 356 ต่อ 22 งดออกเสียง 2 ไม่ออกเสียง 5 เสียง

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: