ผบช.ภ.1 เผย คดีแตงโม นิดา ยังสรุปสำนวนไม่ได้ ด้าน สันธนะ เข้ายื่นหลักฐานเด็ด อาจพลิกมุมตอนจบ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงสาวชื่อดัง อย่างมีเงื่อนงำ ว่า ตอนนี้ได้สอบสวนพยานไปแล้ว 118 ปาก มีกล้อง 70 ตัว 200 ไฟล์, ผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก, วัตถุพยาน 51 ชิ้น, พยานแวดล้อม 92 ปาก, ผู้ถูกกล่าวหา 2 คน, พยานในที่เกิดเหตุ 3 คน และโทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้กรรมาธิการมาตรวจสอบเรือที่เป็นของกลางในคดีแตงม นิดา แล้วได้มีการแนะนำ 3 เรื่อง ซึ่งทางตำรวจขอชี้แจงว่า 3 เรื่องที่แนะนำมานั้น ทางตำรวจได้ทำหมดแล้ว คือ ได้สอบปากผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว 18 ปาก และได้นำเรือไปทดลองหลายครั้ง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบด้วย และเรื่องเครื่องจับเท็จ ทางตำรวจจะนำทั้ง 5 คนบนเรือไปนั่งเครื่องหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจับเท็จเสียก่อน และจะต้องวิเคราะห์คำให้การว่าจะนำพยานเข้าเครื่องจับเท็จในประเด็นใดได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะจับไปนั่งเครื่องจับเท็จได้เลย ซึ่งเครื่องจับเท็จก็เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ที่ใช้ตรวจสอบพฤติกรรมและการตอบสนองของบุคคลที่ใช้เครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยต่างๆ ที่จะต้องอาศัยผู้ชำนาญการดำเนินการ ซึ่งเครื่องจับเท็จก็ไม่สามารถสรุปได้สมบูรณ์ อีกทั้งเรือของกลาง ที่จอดอยู่ในตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ก็จอดเก็บไว้หลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบแล้วหมดทั้งสิ้น ที่เก็บไว้แบบนั้นก็เพื่อรอคำสั่งศาลดำเนินการต่อไป หรือหากศามีข้อสงสัยก็จะได้นำเรือนำกลับมาตรวจสอบได้
ขณะเดียวกัน ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากต้องรอทางนิติวิทยาศาสตร์ส่งผลสรุปการชันสูตรศพมาเสียก่อน ซึ่งไม่ทราบว่าจะส่งกลับมาเมื่อไร ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องรอผลอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาสรุปสำนวนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามขั้นตอนตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและได้เร่งรัดการทำงาน เพื่อที่จะได้สรุปสำนวนคดีที่ทางผู้เสียหายอยากทราบและหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้
ด้าน นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม นิดา ได้เดินทางมาร่วมรับฟังแถลงความคืบหน้าคดีในครั้งนี้ด้วย พร้อมเปิดเผยว่า จนถึงทุกวันนี้ยังรับไม่ได้กับการจากไปของลูกสาว ร้องไห้ทุกวัน โดยตั้งใจไว้ว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาคริสต์เพื่อเป็นของขวัญให้กับแตงโม และรู้สึกประทับใจในคำสอน ซึ่งเมื่อก่อนนี้แตงโมชอบชวนไปโบสถ์หลายครั้ง ไปต่างประเทศก็ชวนไปโบสถ์ จึงทำให้ตนรู้สึกซาบซึ้งในคำสอนโดยเฉพาะเรื่องการให้อภัย ซึ่งในวันงานไว้อาลัยแตงโม วันสุดท้าย ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ได้บอกตนว่าไม่ควรจะโกรธเพราะจะทำให้จิตใจตนเป็นทุกข์ ซึ่งวันนั้นตนยังมีใจโกรธ 3 คนคือหนุ่มกรรชัย ,กระติก และทนายษิทรา หลังจากนั้นศาสนาจารย์ธงชัย ได้พาทั้ง3คน มาพบกับตนซึ่งเมื่อได้วิเคราะห์ตามคำสอนของศาสนาจารย์แล้วจึงเห็นพ้องว่าหากยังไม่ให้อภัย 3 คนนี้จิตใจตนก็คงจะยังเป็นทุกข์ ตนจึงยอมให้อภัยทั้ง 3 คน
อีกทั้งหลังฟังการแถลงข่าวยอมรับรู้สึกเห็นใจตำรวจที่ต้องทำคดีนี้ เพราะต้องเหนื่อยกับการหาพยานหลักฐานจำนวนมาก ตนเองจึงรู้สึกประทับใจกับการทำงานของตำรวจเป็นอย่างมากและเชื่อมั่นในตำรวจชุดนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเมื่อมีความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจจำเป็นที่จะต้องส่งคดีให้กับดีเอสไอหรือไม่ คุณแม่ตอบอย่างมั่นใจว่าไม่จำเป็น และทันทีที่ตำรวจเสร็จสิ้นกระบวนการตนก็จะดำเนินการฌาปนกิจศพแตงโม
นอกจากนี้ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี เช่นกัน พร้อมกับเปิดเผยว่า วันนี้ตนนำพยานหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอกับคุณแม่ของแต่งมอและได้ฟังการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนได้พูดคุยกับคุณแม่ภนิดาในเรื่องความตั้งใจที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีตนบริสุทธิ์ใจและเป็นกำลังใจให้คุณแม่ คดีของคุณแตงโมตนเห็นว่าต้องแลกด้วยชีวิตกับศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และข้อมูลที่ตนได้มาก็หยุดไม่ได้ต้องให้เจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการและขยายผล ตำรวจก็ทำตามหน้าที่ซึ่งตนก็ทำไปในสิ่งที่พอทำได้ วันนี้ตนจะนำคลิปเสียงไปที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวน นครบาล แต่ก็ไม่ได้นับไว้ จึงนำมาที่ สภ.นนทบุรี ตนนำมายืนยันว่าไม่ใช่คลิปเสียงปลอมเพราะมีโทษทางอาญาและไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น ยืนยันข้อเท็จจริงทุกอย่างปรากฏในสำนวนได้