สนธิรัตน์ เผย พรรคสร้างอนาคตไทย เข้ามาเป็นตัวเลือกที่จะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเพื่มความแตกแยกให้กับสังคมไทย และตั้งใจที่จะมีส่วนในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ (กลุ่ม4กุมาร) แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย นัดพบปะสื่อมวลชนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อประเด็นสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งว่า ทราบว่าขณะนี้การพิจารณาร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งเบื้องต้นการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้กติกาบัตร 2 ใบ โดยพรรคมีความตั้งใจที่จะส่งผู้สมัคร ส.ส.เขตครบทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการเก็บคะแนนในส่วนของบัญชีรายชื่อด้วย เว้นแต่เขตใดหาผู้ที่มีความเหมาะสมไม่ได้จริงๆ ทั้งนี้ทางพรรคใช้เวลาในการพิจารณาในส่วนของว่าที่ผู้สมัครพอสมควร โดยพยายามเน้นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้าสู่การเมือง และต้องไม่มีประวัติด่างพร้อย เพราะอยากให้ประชาชนมีตัวเลือกใหม่ๆ ไม่ติดกับโครงสร้างทางการเมืองเดิมๆ
“หลังจากที่พรรคได้เปิดตัวมาราว 2 เดือน ก็ได้ดำเนินการเตรียมพร้อมในพื้นที่เป้าหมายแล้วประมาณ 50% อย่างในพื้นที่ กทม.ก็ได้ว่าที่ผู้สมัครที่มีความพร้อมแล้วราวครึ่งหนึ่ง”
เมื่อถึงความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยที่วางเป้าหมายชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ และคาดว่าจะวางตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดต นายกฯในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า แต่ละพรรคย่อมมียุทธศาสตร์และจุดขายในการดำเนินการทางการเมืองที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด กรณี น.ส.แพทองธาร ก็เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคงจะไปวิพากษ์วิจารณ์ข้ามพรรคไม่ได้ หน้าที่ของเราคือเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ในส่วนของพรรคสร้างอนาคตไทยก็ได้เน้นย้ำว่า เราเป็นพรรคที่ต้องการเข้ามาเป็นตัวเลือกที่จะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ได้เกิดมาเพื่อเพื่มความแตกแยกให้กับสังคมไทย และตั้งใจที่จะมีส่วนในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศ
“ที่พรรคสร้างอนาคตไทยมีความพร้อมมากที่สุด คือในส่วนของทีมเศรษฐกิจ บุคลากรด้านเศรษฐกิจมืออาชีพ ที่จะทยอยเปิดตัวในอนาคต รวมถึงด้านนโยบายของพรรคที่เป็นจุดแข็งของพรรค โดยประเมินแล้วว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นสำคัญ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า พรรคสร้างอนาคตไทย จะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในช่วงต้นเดือน เม.ย.65 โดยคาดว่าจะเป็นสัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในส่วนของการวางตัวกรรมการบริหาร และบุคลาลากรด้านต่างๆของพรรค ส่วนแคนดิเดตนายกฯนั้นขณะนี้ถือว่ายังมีเวลา ซึ่งทุกพรรคก็ยังไม่มีใครเปิดตัว เพราะยังไม่ถึงเวลา
“คุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯของพรรคสร้างอนาคตไทย มี 3 ข้อหลัก คือ 1.ต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ 2.ต้องมีประวัติการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และ 3.มีความสามารถในการแข่งขันในระดับประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงแนวโน้มการยุบสภาที่คนในรัฐบาลระบุว่าจะเป็นช่วงปลายปี 2565 หลังการประขุมเอเปกที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อำนาจยุบสภาเป็นของนายกฯ คงไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตามพรรคมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลาหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยุบสภาเมื่อใดก็พร้อมลงเลือกตั้ง