ชวน หลีกภัย เผย หากจะพูดถึงเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาทแล้ว วันนั้นช่วงต้มยำกุ้งปี 2540 ถือว่าวิกฤตจริงๆ เข้าหลักนิยามของสหประชาชาติ เข้าหลักของวิกฤตที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2567 นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบรรยายในงาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตอนหนึ่ง โดยระบุว่า ตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้งปี 40 สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตอนนั้นตนเป็นฝ่ายค้าน และหากจะพูดถึงเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาทแล้ว วันนั้นช่วงต้มยำกุ้งปี 2540 ถือว่าวิกฤตจริงๆ เข้าหลักนิยามของสหประชาชาติ เข้าหลักของวิกฤตที่เกิดขึ้น
ซึ่งตนได้ไปชี้แจงในการประชุม ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงเดือน พ.ย.ปี 40 สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่สอง ซึ่งวันนั้นอาจเป็นความผิดพลาดที่เราไปสู้ เงินบาทอ่อนจนเงินเราเกือบหมด และต่อมาเกิดโครงการเงินกู้มิยาซาวา ซึ่งทุกคนต้องทำงานถึงจะได้เงิน และเป็นโครงการที่ช่วยวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนั้น
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปี 2566 ว่าควรจะปกป้อง หรือป้องกันแพทย์ไว้ก่อน โดยแนะนำแพทย์เราว่าอย่าไปเซ็นหรือรับรองอะไรที่มันไม่ถูก วันหนึ่งเรื่องนี้จะปรากฎขึ้นมา ปิดไม่มิด ที่ตนพูดเรื่องนี้ เพราะตนเคยได้คุยกับอาจารย์ในคณะแพทย์บางคน เขาบอกกับลูกศิษย์ที่โรงพยาบาลนั้นไว้ว่าอย่าไปเซ็นหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นว่าน่าจะให้แพทยสภารับรู้ไว้
ตนขอยกตัวอย่าง มีรุ่นน้องตน 2 คน จบธรรมศาสตร์ เป็นนายตำรวจ ยศ พล.ต.อ.กับ พ.ต.อ.เป็นนักกฎหมายทั้งคู่ แต่เพราะความเกรงใจ จนเป็นเหตุให้ต้องติดคุก 2 ปี ซึ่งน่าสียดายมาก มาเสียตอนปลายชีวิต เพราะถึงเวลาไปทำอะไรที่ไม่สมควรก็โดน มาตรา 157 วันนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องสอนในสิ่งที่ถูกต้อง
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม ความจริงต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ วันนี้ไม่ปรากฎ วันหน้าต้องปรากฎ ผมรู้ว่าหลายคนไม่อยากทำผิด แต่ต้องติดคุกก็เพราะเกรงใจนาย ดังนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะต้องสอนลูกศิษย์ให้รักษาความถูกต้องไว้ ผมใช้คำว่ายอมขัดใจนาย ดีกว่าติดคุกในอนาคตเพราะผมเห็นอดีตปลัดกระทรวงคลังคนหนึ่งถูกไล่ออก เพราะไม่เอาเด็กของนักการเมืองขึ้นมาเป็นปลัด
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น ถือว่าน่าเสียดายรวมถึงศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ของเราด้วยด้วย ที่ไปทำในสิ่งที่ผิดพลาดไม่ใช่ไม่รู้แต่เกิดจากความเกรงใจ วันนี้ความจริงไม่ปรากฏ แต่วันหนึ่งในอนาคต ความจริงก็จะปรากฏหากมีการร้องเรียนขึ้นมา” นายชวน กล่าว
เมื่อมองไปข้างหน้า ตนอยากเห็นบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผลิตมานั้นมีความรับผิดชอบ ยึดมั่นประชาธิปไตยยึดหลักนิติธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ประชาธิปไตยของประเทศไทย ถ้าเราเลือกผู้แทนขึ้นมาโดยการใช้เงินแล้วมีหรือจะไม่ใช้เงินต่อ