Connect with us

Politics

“เจี๊ยบ ก้าวไกล” ปะทะเดือด “บิ๊กตู่” ยื่นกระจกให้ส่อง!

Published

on

“เจี๊ยบ” ซักฟอก “บิ๊กตู่” เอื้อประโยชน์ให้กองทัพบก ก่อนยื่นกระจกให้ไว้ส่องสะท้อนตัวเอง

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมว่า

พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลผู้มีอำนาจ แต่ขาดความสามารถ และความรับผิดชอบ ตนขออภิปราย 3 ประเด็นคือ1.จงใจปล่อยปละละเลยให้เกิดเครือข่ายทุจริตในกองทัพอย่างกว้างขวาง 2.สร้างความเสื่อมเสียกับพระเกียรติยศในโครงการเทิดพระเกียรติ และ 3.มีจิตสำนึกเผด็จการสันดานทรราชย์ หลังรัฐประหารแล้วยังจงใจบ่อนทำลายการปกครองและระบอบประชาธิปไตยต่อเนื่อง

เมื่อกลางเดือนมี.ค. ที่ผ่านมามีข่าวเล็กๆข่าวหนึ่งที่น่าสนใจในเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งที่พาดหัวข่าวว่า “อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 9 ค่ายภูมิพลมาแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหล เผยวงเงินสร้าง 60 ล้านบาท” เมื่อตนเข้าไปอ่านเนื้อในข่าวก็ได้รายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มขึ้นทราบว่าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา กองทัพบกได้จัดพิธีอันเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงร.9 จากพระบรมมหาราชวังในกทม. ไปแทนที่อนุสาวรีย์พระยาพหลที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายภูมิพล จ.ลพบุรี โดยโครงการนี้ใช้งบประมาณ 59,973,500 บาท

และจากเอกสารเผยแพรข่าวของกองทัพบกเองให้รายละเอียดว่าในหลวงร. 10 ได้พระราชทานพระบรมราชานุสาวรีย์ดังกล่าวให้กองทัพบก โดยกองทัพบกได้ดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนชื่อค่ายจากเดิมค่ายพหลโยธินมาเป็นชื่อค่ายภูมิพลเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2562 เมื่อประชาชนทราบข่าวนี้หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมกองทัพบกถึงใช้งบประมาณในโครงการนี้สูงถึง60 ล้านบาท เพราะเป็นแค่การปรับปรุงแท่นและภูมิทัศน์เท่านั้น

4 วันถัดมาศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมออกมาชี้แจงผ่านเพจว่าข่าวที่ลงไปนั้นเป็นข่าวบิดเบือน โดยกองทัพบกชี้แจงว่าทุนที่นำมาสร้างแท่นและปรับภูมิทัศน์นั้นได้มาจากเงินสมทบทุนจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน การสร้างเพื่อทำให้สถานที่สง่างามสมพระเกียรติในหลวงร. 9 พอเห็นแบบนั้นตนก็ไปหาข้อมูลต่อใน 3 จุดคือเคยมีแคมเปญประชาสัมพันธ์ของกองทัพที่ให้ประชาชนร่วมบริจาคผ่านช่องทางใดหรือไม่ ปรากฎว่าไม่พบ

และเมื่อไปดูงบการเงินกองทัพบกเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 ปรากฎว่าช่องรายได้ได้แสดงรายการเงินบริจาคเอาไว้ มียอดทั้งสิ้น 3 ล้านกว่าบาท ตนจึงย้อนกลับไปดูงบบริจาคของปีก่อนหน้านี้อีกพบว่ามีเงินบริจาคพียง 2.3 ล้านบาทเท่านั้น ห่างไกลกับยอดเงิน 60 ล้านบาทมาก ถามว่าหมกเม็ดอะไรกันไว้ หากเป็นเงินบริจาคจริงๆทำไมไม่นำมาแสดงในงบบริจาค ประชาชนจะรับทราบได้อย่างไร หรือเป็นวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งหรือไม่ หรือเอาเงินส่วนนี้ไปฝากไว้บัญชีนายพลคนไหน

นางอมรัตน์ อภิปรายต่อว่า เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมก็สงสัยว่าในเอกสารมีการระบุว่างบประมาณ 60 ล้านบาทนั้นได้มาจากเงินเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ 2564 ถ้าเป็นเงินที่มาจากรัฐ แสดงว่าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเอาข่าวปลอมจากกองทัพบกมาเผยแพร่เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเงินจากการบริจาคใช่หรือไม่ เป็นเฟคนิวส์ซ้อนเฟคนิวส์หรือไม่ ถ้าเงินเพิ่มเติมก้อนนี้ไม่ได้มาจากเงินรัฐ แต่มาจากเงินบริจาคจริงๆ ตนถามว่าเงินบริจาคมากมายขนาดนั้นกองทัพบกเก็บไว้ในบี๊บที่ไหน นี่เป็นโครงการพิเศษอะไร โครงการของกองทัพบกหลังยุครัฐประหารมีกลิ่นไม่ดีโชยมาตลอด และประชาชนตรวจสอบได้ยากเย็น

อีกทั้งโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ที่สร้างจากเงินบริจาค เมื่อประชาชนเห็นความผิดปกติแต่ตรวจสอบไม่ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์กลัวการตรวจสอบจนต้องไปตัดโบกี้รถไฟที่สถานีบ้านโป่งเมื่อปี 2558 และควบคุมตัวนักศึกษาและประชาชน 38 คนไปควบคุมไว้ในค่ายทหารแถวพุทธมณฑล

เรียกว่าประยุทธ์สันหลังหวะ อีกทั้งที่ผ่านมามีการเปลี่ยนชื่อค่ายทหารที่สำคัญในจ.ลพบุรีถึง 2 ค่ายคือศูนย์การทหารปืนใหญ่จากเดิมค่ายพหลโยธินเป็นค่ายภูมิพล และกองพลทหารปืนใหญ่จากเดิมชื่อค่ายพิบูลสงครามเป็นค่ายสิริกิติ์ และรื้ออนุสาวรีย์จอมพลป.พิบูลสงครามบริเวณวงเวียนหน้าค่ายในจ.ลพบุรี ซึ่งมีพี่น้องทหารในลพบุรีฝากสะท้อนความรู้สึกความในใจถึงพล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า การอันเชิญอนุสาวรีย์ถือเป็นเรื่องดีและเป็นเรื่องมงคล แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรื้อ 2 อนุสาวรีย์ก่อนหน้านี้ออกไปด้วย

“สำหรับพี่น้องทหาร พระยาพหลและจอมพล.ป.พิบูลสงครามเป็นที่เคารพนับถือ เป็นผู้นำกองทัพที่สง่างาม และมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เปลี่ยนพวกเราจากไพร่ทาสมาเป็นพลเมือง อย่ามารื้อทำลายสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของพวกเขาได้หรือไม่ โครงการรื้อๆสร้างๆอนุสาวรีย์ของกองทัพภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์

โดยโครงการแรกคือโครงการรื้อถอนและติดตั้งซุ้มเทิดเพระเกียรติที่กองทัพบกใช้วิธีการคัดเลือกและผู้ที่ผ่านการคัดเลือกคือห้างหุ้นส่วนจำกัดภูวเนศ เสนอราคามา 1,173,000 บาท จากราคากลาง 1.2 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือผู้รับเหมาเข้าไปพื้นที่ก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้ชนะการประมูลนานถึง 15 เดือน จับโป๊ะกันได้ขนาดนี้จะแก้ตัวอย่างไร ถือเป็นการทุจริตล็อคผู้รับเหมาล่วงหน้าหรือไม่ กล้าทำผืดกฎหมายแบบเย้ยฟ้าท้าดิน

และโครงการที่สองคือโครงการสร้างแท่นประดิษฐานและปรับปรุงภูมิทัศน์โดยกรมยุทธโยธาทหารบกเป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการคัดเลือก มีบริษัทไอยเรศจำกัดชนะการประมูลมาด้วยการเสนอราคา 59,873,500บาท เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมพบว่ามีการปรับพื้นที่ก่อนบริษัทจะไปเซ็นสัญญาล่วงหน้า 4 เดือน ทำให้เห็นว่ากองทัพล็อคสเปค ทำให้กองทัพเน่าเหม็นไปด้วยการทุจริต เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง” นางอมรัตน์ อภิปราย

นางอมรัตน์ อภิปรายต่อว่า นอกจากโครงการก่อสร้างบ้านพักรับรองผู้บัญชาการทหารเรือหลังใหม่ พร้อมรื้อถอนบ้านพักหลังเดิมวงเงิน 65 ล้านบาท ก็ไม่ต่างกัน เนื่องจากผู้รับเหมาได้เข้าทำการสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับผู้บัญชาการกองทัพเรือล่วงหน้า 3 เดือนก่อนที่จะรู้ผลว่าใครเป็นผู้ชนะการประมูลแท้จริงแล้วเวลาที่มีโครงการก่อสร้างในกองทัพนั้น ได้มีการแอบล็อคผู้ชนะการประมูลกันก่อนเรียบร้อยแล้ว แบ่งกันล่วงหน้าว่างานนี้เป็นของใคร งานนั้นเป็นของใคร จากนั้นก็จ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้พวกนายพลไปตามลำดับชั้น แล้วค่อยทำการการประมูลหลอกๆ กันอย่างที่เห็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปรายฯ นางอมรัตน์ ได้มีการยกกระจกขึ้นระหว่างอภิปราย พร้อมระบุว่า “สุดท้ายที่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจกบานนี้ เพราะท่านปิดคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ซึ่งประชาชนไม่มีสิทธิ์ที่จะสะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ ตนอยากบอกว่ากระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใครบอกว่าก่อความวุ่นวายก่อความไม่สงบให้มองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกไม่มีมารยาท ไม่รักชาติให้มองที่กระจกบานนี้ และเวลาที่ท่านว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ก็ให้ท่านมองที่กระจกบานนี้ ทั้งหมดคนคือในกระจก”

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า “เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ใช้โอกาสไปกราบสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาถวายธูปเทียนพรรษา และตนก็ได้ ขอแบ่งขอมอบให้กับทุกคนด้วย เนื่องในช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้ให้กับทุกคนด้วย เนื่องในช่วงเวลาอันเป็นมงคลนี้กับทุกคนทุกท่าน ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะรับได้รับไม่ได้ก็แล้วแต่ เพราะว่าทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมดีก็ย่อมได้รับกรรมดี ทำกรรมไม่ดีก็คงปรากฏต่อไป ตนก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ทำให้ดีที่สุด แต่อาจจะไม่ดีในสายตาของท่าน ก็ไม่เป็นไร

วันนี้ท่านบอกว่าชื่อของตนมีความหมายนู่นนี่ ก็ไปคิดเอาแล้วกันว่าคำว่า “ตู่กับเตี้ย” ความหมายเหมือนกันหรือไม่ คงไม่เหมือนกันหรอกนะ แต่ไปดูว่าประโยชน์อะไรใครทำมากกว่า ตนเห็นว่าท่านก็เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าท่านศึกษาประวัติศาสตร์ ก็ดีครับ ท่านก็ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้าง ก็แล้วกันสิ่งที่ท่านทำหลายๆ อย่างก็ปรากฏแล้วว่าเป็นเรื่องของการเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งตนรับไม่ได้อยู่แล้ว และตนจำเป็นต้องพูด” นอกจากนี้ นายกฯ ยังระบุ ถึงเรื่องกระจกด้วยว่า “ส่วนในเรื่องกระจก ผมไม่ค่อยได้ใช้กระจก”

ทำให้นางอมรัตน์ ได้ลุกขึ้นประท้วงขอใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงตนว่าก้าวล่วงสถาบันตรงไหน และข้อหามาตรานี้ผิด มีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆ จะมาปากพล่อยว่าคนอื่นอย่างนี้ได้อย่างไร อย่ามั่ว เที่ยวพูดตีขุมแบบนี้ ก่อนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุมจะปิดไมโครโฟนของนางอมรัตน์

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงอีกครั้งว่า เวลานางอมรัตน์พูดอะไรมาทั้งหมดตนก็ฟังได้ และท่านก็ฟังตนบ้าง ตนไม่ได้ว่าอะไรที่เกินความเป็นจริงเท่าไหร่ ว่าไปดูในคดีต่างๆ ก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกัน ก็ไปเตรียมต่อสู้คดีเอาแล้วกัน ทำให้นางอมรัตน์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีได้พาดพิงโดยขอให้ถอนคำพูดทั้งสองอย่าง โดยระบุว่ามาตรา 112 เป็นมาตราร้ายแรง จะมาเที่ยวป้ายให้ใครแบบนี้ได้อย่างไร นี่ก็เอาเด็กไปเข้าคุกไม่ยอมปล่อยไม่ให้ประกัน อย่ามั่ว

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดสวนกลับมาว่า “ผมไม่ได้ป้าย ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับกระบวนการ” ทำให้นางอมรัตน์ ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีถอนคำพูด โดยนายกรัฐมนตรีได้สวนกลับว่า “ผมไม่ถอน” ทำให้ประธานการประชุม ต้องปิดไมโครโฟนของนางอมรัตน์อีกครั้ง และกล่าวว่าขอให้ฟังประธาน โดยนายชวนกล่าวว่า เราอภิปรายเขาก็หนัก เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถอน โดยขอให้นายกรัฐมนตรีนั้นอภิปรายต่อ และตนคิดว่าดีที่สุดคือเราต้องระมัดระวัง

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: