นายกฯ ขอคนไทยอดทนกันอีกครั้ง ล็อกดาวน์ตัวเอง ผมทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดผลกระทบ ขอสัญญาจะดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ ถึงประชาชน ว่า ถึงการยกระดับมาตรการ และบางช่วงบางตอน ระบุ ว่า เป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว ที่ประเทศของเราและทั่วโลก ต่างต้องสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 25 มีนาคมของปีที่แล้ว ผมได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และบังคับใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
โดยวันนั้น ผมได้กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาวะวิกฤต ที่หากไม่ประกาศมาตรการเข้มงวด สถานการณ์จะเลวร้ายลง
ซึ่งในครั้งนั้น เราสามารถเอาชนะโควิดในยกแรกได้ด้วยความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ และความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนทุกคนในการทำตามมาตรการของรัฐ จนเรากดยอดผู้ติดเชื้อลงมาจนเหลือศูนย์ได้ในที่สุด และเป็นที่ชื่นชมของทั่วโลกในการควบคุมการแพร่ระบาด จนเราสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่กันได้หลังจากนั้น
แต่เป็นโชคร้ายของชาวโลก ที่ไวรัสโควิดยังไม่หายไปง่ายๆ และกลับกลายพันธุ์ไปสู่สายพันธุ์ที่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ทั่วโลกจึงถูกคุกคามจากโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้อีกครั้ง
แม้แต่ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก และอีกหลายประเทศที่เคยควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็ยังเกิดการระบาดอย่างหนักจนต้องกลับมาประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
ในวันนี้ เราต้องยอมรับว่า สถานการณ์ได้เดินทางมาถึงจุดที่เป็น “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของภาวะวิกฤตอีกครั้ง เราต้องเจอกับการแพร่ระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดที่ประเทศไทยเคยเจอมา หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ผมได้ประกาศการล็อกดาวน์ 10 จังหวัด โดยปิดสถานที่และกิจการบางแห่ง ประกาศเคอร์ฟิว และการจำกัดการเดินทาง
แต่คณะแพทย์ที่ปรึกษาได้ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังไม่ลดลง กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อจากคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ที่นำเชื้อมาแพร่ในบ้าน
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนส่วนหนึ่ง ที่กระทำตัวเป็นภาระของส่วนรวม กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและเพิ่มความเสี่ยงให้กับทุกคน ด้วยการรวมตัวกันเล่นการพนัน จับกลุ่มดื่มสุราหรือจัดปาร์ตี้ และจัดกิจกรรมเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ทำให้การแพร่ระบาดยังไม่ลดลงและมีแนวโน้มการเจ็บป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ดังนั้นเราจึงรอช้าไม่ได้ ที่จะต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรค เพื่อลดความสูญเสียให้ได้โดยเร็วที่สุด จากข้อเสนอเร่งด่วนของคณะแพทย์ที่ปรึกษาและหน่วยงานต่างๆของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ ศบค. มีมติประกาศล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางในจังหวัดสีแดงเข้มที่เพิ่มขึ้นเป็น 13 จังหวัด และปิดกิจการต่างๆ อย่างน้อย 14 วัน ไม่เช่นนั้น สถานการณ์อาจจะร้ายแรงขึ้นจนยากต่อการควบคุม
ผมต้องขอให้พวกเราทุกคน อดทนกันอีกครั้ง และให้ความร่วมมือกับมาตรการในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยผมทราบดีว่าจะต้องมีพี่น้องจำนวนมากที่ไม่สามารถทำมาหากินได้ และได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งนี้ทำให้ผมทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และได้พยายามหาหนทางในการช่วยทุกท่านมาโดยตลอด ด้วยมาตรการเยียวยาต่างๆ
สงครามของโลกกับโควิด ยังไม่จบสิ้น การต่อสู้ของไทยในระลอกนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้ง 13 จังหวัด ถือเป็นสมรภูมิรบที่เราจะต้องเอาชนะ และยึดพื้นที่คืนกลับมาจากไวรัสร้ายนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีประชาชนต้องเจ็บป่วยล้มตายไปมากกว่านี้
แต่การศึกครั้งนี้ รัฐไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยเพียงลำพัง แต่ต้องเกิดจากความสามัคคีกันของคนในชาติ โดยเฉพาะในสมรภูมิทั้ง 13 จังหวัดนี้ ที่จะดำเนินตามมาตรการที่ออกมาอย่างเข้มงวดที่สุด งด ลด เลี่ยงการเดินทาง และการรวมตัวทำกิจกรรม ไม่ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างเสี่ยงอันตราย
ในขณะเดียวกันก็ต้องมีสติ ในการรับและส่งต่อข้อมูลข่าวสาร และช่วยกันสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ด้วยพลังบวกและน้ำใจไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถผ่านวิกฤตในรอบแรกมาได้
และผมและคณะแพทย์เชื่อว่า หากเราล็อกดาวน์ตัวเองได้จริงๆ สถานการณ์ควรจะต้องเห็นผลดีขึ้นภายใน 14 วัน และเราจะผ่านพ้นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” นี้ไปได้อีกครั้ง
ผมขอสัญญาว่าจะดูแลพวกท่านอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมและรัฐบาล และหน่วยงานรัฐทุกแห่ง จะยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป
ขอเก็บทุกคำวิจารณ์มาเพื่อรับฟังและหาหนทางที่จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกท่านอย่างดีที่สุด และจะร่วมเดินเคียงข้างกันไปในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ จนถึงวันเราจะผ่านพ้นไปได้ด้วยกันครับ
You must be logged in to post a comment Login