จตุพร ชี้ จากนี้ไปสถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงขึ้น ทั้งที่คนสองบ้านนี้ต่างพึ่งพากันมาด้วยดีและยาวนาน เมื่อไม่เผาผีกัน ความรุนแรงย่อมตามมาด้วย
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์โดยประเมินว่า ในสัปดาห์อาจเกิดสถานการณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (บิ๊กป้อม) หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เอาคืนด้วยการปล่อยคลิปชั้น 14 รพ.ตำรวจ และ พรรคร่วมประชุมตั้งรัฐบาลเมื่อเย็นวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
อีกทั้งย้อนเหตุการณ์เปิดคลิปเสียงในช่วงชุมนุมประท้วงที่สนามหลวงว่า ตน, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจักภพ เพ็ญแข ถูกคดีดักฟังในกรณีเปิดคลิปเสียง และศาลอาญาตัดสินลงโทษ 2 ปี แต่รอลงอาญา ดังนั้น 5 คลิปหลุดที่ หมาแก่-ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ นำมาเผยแพร่ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย ย่อมมีความสุ่มเสี่ยงกับข้อหาดักฟัง นอกจากเชื่อมั่นบารมีของคนใหญ่คนโตที่หนุนหลังอยู่จึงกล้าเสี่ยง
“หมาแก่ (ฉายาดนัย) นำคลิปมาเปิดถ้าไม่คิดอะไรก็ถือว่าสุ่มเสี่ยงที่สุด หรือถ้าคิดอะไรแบ็คต้องใหญ่พอสมควร หรืออาจไม่เข้าใจว่า เคยมีกรณีในลักษณะอย่างนี้มาแล้ว ดังนั้น คดีนี้สุ่มเสี่ยงที่สุดกรณีเข้าข่ายข้อหาดักฟัง แล้วทำให้เชื่อจนเกิดความเสียหายของความเป็นคน” นายจตุพร กล่าว พร้อมคาดว่า วันนี้ บิ๊กป้อมไม่รู้จะกินข้าวกับใคร เพราะหวั่นกลัวถูกบันทึกเสียงพูดคุย
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร วิเคราะห์การได้มาของ 5 คลิปหลุดว่า มีความน่าจะเป็นและเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ใช้เทคโนโลยีดักฟัง หรือใช้มือถือบันทึกการพูดคุย และคนอายุมากมีปัญหาการได้ยินจึงเปิดลำโพงมือถือเสียงดักคุยกัน แล้วถูกคนแอบบันทึกเสียงซ้อนซ้ำอีกทางหนึ่ง
อีกทั้งกล่าวว่า คลิปหลุดทั้ง 5 ตอนที่เผยแพร่นั้นมีเป้าหมายลบเหลี่ยม หยามศักดิ์ศรี พล.อ.ประวิตร สิ่งสำคัญคือ ถ้าเกิดจากถูกแอบบันทึกเสียงขณะพูดคุยกันแล้วย่อมเป็นการกระทำที่ไม่มีความจริงใจของผู้กระทำที่อยู่ในวงพูดคุยนั้นด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าคนหนึ่งต้องปิดฉากชีวิตการเมืองแล้ว คงไม่เลือกปิดฉากในลักษณะถูกหยามศักดิ์ศรี ดังนั้น พล.อ.ประวิตร อาจฮึดสู้ โดยบางทีคนเราการได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็นนายกฯ ก็เป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องศักดิ์ศรีมันลบหลู่กันไม่ได้ แต่ถ้าจะวางมือการเมืองในเหตุการณ์เช่นนี้คงเสียหายอย่างยิ่ง
พร้อมทั้งประเมินว่า ในสถานการณ์คลิปเสียงนั้น คาดว่า พล.อ.ประวิตร ต้องคิดอ่านตอบโต้เช่นกัน สิ่งสำคัญอาจนำคลิปเสียงบ้านจันทร์ส่องหล้า หรือชั้น 14 รพ.ตำรวจ ขยับขึ้นมาเปิดเกมเอาคืนอย่างมีนัยยะสำคัญก้ได้
“เชื่อว่าสัปดาห์ต่อไปจะมีการขยับในเรื่องชั้น 14 ผมใบ้หวยชวนติดตามให้ก่อน ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จะฉมังในแต่ละเรื่องราว ส่วนจะเป็นวันใดของสัปดาห์หน้าก็ไปดูกัน เพราะว่าหลังจากนี้ไปต้องเอาคืนดูเหมือนที่มากกว่านั้น รอบนี้ถ้าไม่ลงมือเลยคนก็หมดความเคารพนับถือ กลายเป็นคนกระจอกงอกง่อยโดยฉับพลัน”
นายจตุพร เชื่อว่า คนอย่าง พล.อ.ประวิตร สร้างบูรพาพยัคฆ์ขึ้นมาได้คงไม่ใช่คนแบบหมูๆ ที่จะให้ใครมาลูบคมได้ ดังนั้น เมื่อเลือดขึ้นหน้า คงต้องติดตามการเอาคืน รวมทั้งคาดว่า คลิปที่หมาแก่-ดนัย จะเปิดยังมีอีกมากเช่นกัน
“ถัดจากนี้ไปจะทำให้สงครามต่างๆ สั้นลงเพราะการลงมือแบบไร้น้ำใจกันและกันแล้ว ก็เป็นดาบอำมหิตดาบหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นถ้า (พล.อ.ประวิตร) นอนให้เขาเหยียบเล่นก็นอนต่อไป ก็ไม่เหลืออะไร แต่ถ้าเวลาในชีวิตมีไม่มาก ย่อมไม่ต้องการบันทึกความทรงจำไว้ให้ผู้คนแบบเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ถูกลูบคม ลบเหลี่ยม ถูกทำลายความเป็นมนุษย์ ผมจึงเชื่อว่าศึกนี้มีเอาคืน”
นายจตุพร กล่าวว่า จากนี้ไปสถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงขึ้น ทั้งที่คนสองบ้านนี้ต่างพึ่งพากันมาด้วยดีและยาวนาน เมื่อไม่เผาผีกัน ความรุนแรงย่อมตามมาด้วย อีกอย่างถ้า พล.อ.ประวิตร ยังเป็นเสืออยู่ ก็ต้องออกฤทธิ์ แต่เสือไม่แสดงอาการฟูมฟาย แม้เจ็บก็ต้องเลียแผลให้แห็ง แล้วมาปฏิบัติการเอาคืน
“มุมมองของผมแบบนี้ ไม่ได้ยุยงอะไรใคร แต่คนเหมือนถูกลบเหลี่ยมแบบนี้ โดยการดักฟังแล้วเอามาเผยแพร่ มันยิ่งกว่าหยามเกียรติกันมากที่สุด โดยการดักฟังทางคดีหนักอยู่แล้ว ซึ่งทางราชการจะนำมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจตรวจสอบเป็นเรื่องๆ ไป ถ้ามาดักฟังกระทั่งคุยกับผู้หญิงแล้ว ถือว่าหนักขึ้น และถ้าปล่อยให้ดักฟังเกิดขึ้น ประชาชนจะไม่ปลอดภัย”
พร้อมย้ำว่า กรณีคลิปหลุดของ พล.อ.ประวิตร อย่างมากแค่เสียคน และพังช้ากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและเรื่องชั้น 14 ซึ่งจะสร้างความฉิบหายให้เร็วกว่า และพังทั้งกระดานเลย
อีกอย่าง หากผลตรวจสอบของแพทยสภาออกมาบรรจบกันด้วยแล้ว จะยิ่งเกิดความเสียหายรุนแรงรวดเร็วขึ้น โดยเชื่อว่า การอยู่กับคนโกหกซึ้งหน้าและถูกจับได้ แล้วยังอธิบายสิ่งที่เป็นเท็จให้เป็นความจริงแล้ว ย่อมอยู่ประเทศนี้ด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้น ดังนั้น ความจริงต้องถูกเปิด และความจริงชั้น 14 ย่อมเป็นเรื่องใหญ่
“บ้านป่ากับบ้านจันทร์ส่องหล้าสนิทกันมาก วันนี้ไม่เหลือเยื่อใยกันเลย ดังนั้น หากวันใดยังไม่มีความเด็ดขาด ยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ย่อมเป็นกรณีศึกษา” นายจตุพร เตือนผู้มีหน้าที่ควบคุมดีล
ส่วนน้ำท่วมรุนแรงที่เชียงรายนั้น นายจตุพร กล่าวว่า วุฒิภาวะการเป็นผู้นำของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ที่ไม่เร่งทำงานตาม ม.162 วรรคสองในกรณีเร่งด่วน จึงเป็นปัญหากระทบการทำหน้าที่ของ รมต.คนอื่นด้วย เพราะทำให้ รมต.คนอื่นไม่กล้าขยับลงพื้นที่น้ำท่วม
ดังนั้น นายกฯ อุ๊งอิ๊ง จึงปล่อยโอกาสโชว์การทำงานแก้ปัญหายามวิกฤตน้ำท่วมรุนแรงที่เชียงรายทิ้งไป โดยเลือกภารกิจอ่านนโยบายในที่ประชุมรัฐสภาแทนที่จะไปช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย เพราะไปยึดมั่นทำตาม รธน. มาตรา 162 วรรคแรก ทั้งๆที่ วรรคสองเปิดทางให้ทำได้ก่อนการแถลงนโยบายในกรณีเร่งด่วน
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS