Connect with us

Politics

เศรษฐา ย้อนถาม! ถ้าไม่มีรัฐบาล 10 เดือนที่ผ่านมา วันนี้จะเป็นยังไง?

Published

on

เศรษฐา ย้ำ 3 ปีที่เหลือมีเป้าหมายเพื่อประชาชน ไม่ใช่ต้องการตำแหน่งนายกฯ ย้อนถาม! ถ้าไม่มีรัฐบาล 10 เดือนที่ผ่านมา วันนี้จะเป็นยังไง?

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ในงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ในหัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” ว่า วันนี้เราอยู่กันเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ท่านได้ฟังได้ยินสิ่งที่หลายท่านนำมาเสนอว่า 10 เดือนที่ผ่านมา เราไม่ได้ปล่อยว่างเปล่า เราทำอะไรไปแล้วบ้าง แต่ถ้าเราไม่ได้มายืนตรงนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในช่วง 1 ปีที่ตนก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ปีกว่าๆ ไม่ว่าจะลงพื้นที่หาเสียง ได้ลงพื้นที่กับพี่ๆ ทั้งหลายน้องๆ ทั้งหลาย ได้ฟังปัญหาของพี่น้องทุกๆ คนที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งขึ้นมา และช่วงเวลาที่จะตั้งรัฐบาล ต้องใช้คำว่า “เจ็บปวด” มีการทำอะไรหลายอย่างที่ขัดกับสายตา แต่ตนเชื่อว่า เมื่อตั้งรัฐบาลแล้ววาทะกรรมต่างๆ คุณดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พูดไปแล้ว ว่า เราพูดไม่เก่ง แต่หน้าที่เราหลังจากที่เราได้ฟอร์มรัฐบาล เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่มี 314 เสียง มีความมั่นคง มีความมุมานะในการทำงานและดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง แล้วจะทำเต็มที่เท่าที่เราจะสามารถทำได้ ตนเชื่อว่า 10 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์

อย่างไรก็ตาม อยากจะเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ว่า การที่เรา ไม่ได้เสียโอกาสไป 10 เดือน พวกเราได้อะไรไปแล้วบ้าง และเราทำอะไรไปแล้วบ้าง และอนาคต 3 ปีกว่าๆ ที่เหลือ เราจะได้อะไร ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร พอเข้ามาเป็นรัฐบาลก็เจอหน้าฝนพอดี ได้ลงพื้นที่กับนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปที่จังหวัดอุบลราชธานีกับ สส. ที่ผ่านมาในอดีตเกิดน้ำท่วม ท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมทีนึงเป็นเดือนหลายๆ ฟุตหลายๆ เมตร ไม่รู้ว่าอยู่กันได้อย่างไร

เราได้พูดคุยกับกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้จะอยู่กันคนละพรรค แต่ก็ประสานงานกันได้อย่างดี พร้อมกับฟังเสียงสะท้อนกลับ สส. จากนั้นเราก็ไม่ได้มีการบริหารจัดการชลประทานที่ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ ปีนี้อุบลฯ น้ำไม่ท่วม

ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคง มีการสู้รบกัน มีการวางระเบิด  มีการสูญเสียเลือดเนื้อ เป็นเรื่องที่เราประสบปัญหามาโดยตลอด และฝ่ายความมั่นคงเองก็พยายามอย่างเต็มที่ในการ จัดการกับปัญหาเหล่านี้ แต่ฝ่ายรัฐบาลเองก็ต้องมีอีกมิติหนึ่งที่เราต้องดูแล นั่นก็คือเรื่องของความมั่งคั่ง มีการดูแลเรื่องของการเปิดชายแดน เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะขึ้น พี่น้องสามารถทำมาหากินได้เยอะขึ้น เล็กๆ น้อยๆ ก็มีเรื่องของการไปดูศิลปะวัฒนธรรมของคนภาคใต้ ซึ่งวงออร์เคสตราตนไปดูก็มีความประทับใจ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจและเป็นความหวังให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงราคาสินค้าเกษตรที่ขยับตัวสูงขึ้นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาหอม ราคาข้าว ราคายาง ซึ่งเกิดจากการประสานงานอย่างดีจาก สส.และมีการให้ข้อมูลกับรัฐบาล และเราให้ความสำคัญเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพืชหลักหรือพืชรอง และได้มีการพูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พาณิชย์​แล้วว่า ต้องมีการดูแลพืชรองในจังหวัดต่างๆ ในเขตต่างๆ ของ สส.เพื่อให้ราคาพืชผลทางการเกษตรทั้งหลายไม่มีตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี หอมแดง ขิง ข่า ตะไคร้ ทุกอย่างต้องถูกยกขึ้นมาหมด ไม่ใช่ดูแค่พืชหลักๆ อย่างเดียว แต่ต้องมีการเปิดตลาดใหม่ ดูแลพี่น้องของเราในเรื่องเหล่านี้ให้ดี

ส่วน เรื่อง PM 2.5 หากรัฐบาลไม่ดำเนินการอะไรเลย ไม่เสนอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ไม่พูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่นาน ประเทศเราอาจจะติด Top 10 ของโลก ก่อนจะย้ำว่า แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน แต่ก็แสดงเห็นว่าเราให้ความสำคัญไม่ใช่แค่นโยบายหลัก แต่เราทำงานเต็มที่ และตนมั่นใจว่าการลงทุนต่างๆ จะทยอยตามมาอย่างต่อเนื่อง และเราไม่ได้ดูแลแค่ให้พี่น้องเกษตรมีรายได้มากขึ้น แต่เราจะยกระดับให้เราก้าวสู่สังคมที่มีรายได้สูง เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้มีการลงทุนจากต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะประชาชนมีความต้องการ เราก็ต้องผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่มีรัฐบาลมา 10 เดือนที่ผ่านมา เรื่องนี้จะอยู่ตรงไหน เราอยู่กับกติกาที่มันไม่ได้เป็นไปเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เราต้องมีการพูดคุยกัน เราต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เป็นฉบับของประชาชน เพื่อประชาชนโดยประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทำมาโดยตลอด 10 กว่าเดือนที่ผ่านมา

ปัญหาใหญ่อีก 1 ปัญหาที่เราลงพื้นที่มาตลอดคือ เรื่องของหนี้สิน มีการเจรจาไปกลับธนาคาร 4 ธนาคาร แน่นอนถ้าเราไม่มาอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่มีใครไปพูดคุยกับท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีการลดดอกเบี้ย

“ท่านยึดความอิสระเป็นหลัก แต่ผมก็พูดแล้วว่า ความอิสระ ไม่ได้อิสระจากความทุกข์ของประชาชน ผมก็พูดไปด้วยวาจาที่สุภาพ เป็นการพูดคุยกัน ในฐานะผู้ใหญ่ที่คุยกัน ถ้าเกิดท่านทำก็ดี ถ้าไม่ทำ รัฐบาลเราก็หาวิธีอื่น 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็คุยกับ 4 แบงค์ และเมื่อ 2 วันก่อนก็มีการลดดอกเบี้ย เพื่อลดปัญหาและภาระของพี่น้องประชาชนไป

และยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบรัฐบาลนี้ยังทำไม่สำเร็จและยังอีกไกล แต่ตนมีความมุ่งมั่น ที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ให้สำเร็จ ระยะเวลา 4 ปีข้างหน้านี้”

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรามีเวลาเหลืออีก 3 ปีนิดๆ เรายังมีนโยบายอีกหลายอย่างต้องทำ และอาจจะต้องมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง เพราะจะเดินไปถึงจุดหมายที่เราวางไว้ได้ จะต้องผ่านอะไรบ้าง เราอาจจะต้องมีช่วงเวลาที่ up and down ช่วงเวลาที่เสียใจ ช่วงเวลาที่ดีใจ ไม่ว่าในมิติไหนก็ตามที เราต้องดูแลกัน แต่ตนเชื่อว่าหากทุกคนมีความมุ่งมั่น มีความสามัคคี เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขาเห็นใจเรา ตนเชื่อว่า ถนนที่เดินไปข้างหน้า ก็จะสะดวกขึ้น ก็จะง่ายขึ้น

“การทำงานของพวกท่าน สส.ร่วมกับคณะทำงานในพรรค คณะทำงานในฝ่ายบริหาร 7-8 เดือน ที่ผ่านมา เราเกือบไม่มีการประสานงานกันเลย แต่วันนี้เราทำงานกันได้ดีขึ้น จึงอยากให้โฟกัสแต่ส่วนที่ดี 60/40 โฟกัสแต่ 60 เปอร์เซ็นต์ที่เรารักกัน ที่เราเข้าใจกัน ที่เรามีความปรารถนาดี และให้มันขยับขึ้นไปมากขึ้นเป็น 61 62 แต่ถ้าไม่พอใจกันจนไปถึง 50% นั่น มันคือปัญหา”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้เรามาเพื่ออะไร ตนไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มาอยู่ตรงนี้ เพราะต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน และมันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่อยู่ในที่นี้ เรามาอยู่ด้วยจิตใจที่อิงอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่เชื่อว่านโยบายที่เราได้ทำไปเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่า เรามีความตั้งใจจริง

แต่ระหว่างทางไปมันต้องมีช่วง up and down มันเป็นธรรมดาของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างเรากันเองหรือพี่น้องประชาชน แต่เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมตระหนักและให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรสำคัญเท่าตำแหน่งหน้าที่ ไม่มีอะไรสำคัญเท่าเมื่อถึง 4 ปีแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทย จะดีขึ้น

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: