Connect with us

News

แยกความรู้สึกออกจากกฎหมาย “ทนายสิทธิพร” ชี้ นักท่องเที่ยวที่ถูกไล่ เป็นเสียหาย ร้องทุกข์ได้!!

Published

on

“ทนายสิทธิพร” ชี้ ข้อกฎหมาย ถือเป็นการแอบอ้างตนเป็นเจ้าพนักงาน ขับไล่นักท่องเที่ยว ถือว่าเข้าข่ายมีความผิดทางอาญา

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายสิทธิพร ลีลานภาศักดิ์ ทนายความชื่อดัง ออกมาให้ความรู้ทางข้อกฎหมาย โดยระบุว่า

ให้ความรู้ทางกฎหมายกันบ้างดีกว่า ยาวหน่อยนะ

แยกความรู้สึกส่วนตัว แยกความชอบ แยกสิ่งที่กระทำถูกต้อง และสิ่งที่กระทำผิด ออกจากกันก่อนนะ อะไรที่ไม่ถูกต้อง เอาตนเองเป็นที่ตั้งหรือเอาความรู้สึกของตนเองเป็น แกนกลางจักรวาล อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้อื่น ก็ต้องรับกรรมไปตามที่ได้ก่อได้กระทำไว้ ส่วนสิ่งไหนที่ทำดีอยู่แล้วก็ขอชื่นชมแยกเป็นเรื่องไป

ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่มีคำสั่งแต่งตั้งคราวละ 1 ปี โดยทั่วไปจะ ไม่ถือเป็นเจ้าพนักงาน ตามความหมายทางกฎหมาย เพราะลักษณะของคำสั่งแต่งตั้งส่วนใหญ่เป็นเพียงการมอบหมายให้ช่วยเสนอแนะ ให้คำปรึกษา หรือแสดงความเห็นประกอบการพิจารณาของอธิบดีเท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการสั่งการหรือปฏิบัติราชการแทนอธิบดีหรือแทนกรมฯ ได้

กรณีที่มีการแอบอ้างตนเป็นเจ้าพนักงาน แล้วขับไล่นักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ จะเข้าข่ายมีความผิดอาญาชัดเจนดังนี้

ความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานโดยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานจริง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145)

“ผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ผู้เสียหายในคดีนี้คือใคร ?
กรณีนี้ เป็นความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 ซึ่งเป็น ความผิดอาญาแผ่นดิน
ผู้เสียหายตามกฎหมาย คือ รัฐ (เพราะเป็นการกระทำที่กระทบต่ออำนาจรัฐโดยตรง)
นักท่องเที่ยวที่ถูกขับไล่ถือเป็น “ผู้ได้รับความเดือดร้อน” หรือ “ผู้เสียหายทางนิตินัย” สามารถร้องทุกข์หรือแจ้งความได้ในฐานะที่ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ แต่โดยหลักกฎหมายแล้วผู้เสียหายที่แท้จริงคือรัฐ

ใครบ้างที่สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้?
ความผิดตามมาตรา 145 ถือเป็น ความผิดอาญาแผ่นดิน สามารถร้องทุกข์ได้โดย
ประชาชนทั่วไป (ใครก็ได้ที่ทราบการกระทำผิด)
นักท่องเที่ยวที่ถูกกระทำการแอบอ้างขับไล่โดยตรง
เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าว เช่น เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ตัวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าพนักงานปกครอง (เช่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด)

หน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
กรมอุทยานแห่งชาติฯ ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ ต้องตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้แอบอ้าง
เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ (สถานีตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่) มีหน้าที่รับแจ้งความหรือร้องทุกข์ และสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะฝ่ายปกครอง มีอำนาจตรวจสอบและดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันการแอบอ้างอำนาจรัฐโดยมิชอบ

ผลจากการเผยแพร่คลิปดังกล่าวต่อสาธารณะ
การเผยแพร่คลิปเหตุการณ์เป็นหลักฐานชัดเจนในทางคดีอาญา ประชาชนหรือองค์กรที่สนใจปัญหาสาธารณะสามารถนำหลักฐานนี้ไปร้องเรียนหรือร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้ แม้แต่กรณีที่ไม่มีผู้เสียหายส่วนตัวไปร้องทุกข์ เจ้าพนักงานก็ยังต้องดำเนินคดีได้เอง เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน

ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ดำเนินการคดีหรือเพิกเฉย ไม่ยอมสอบสวนหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนเช่นนี้ อาจมีความผิดตามกฎหมาย ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตาม ป อาญา มาตรา 157 ได้

เอวังก็ด้วยประการนี้

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: