รังสิมันต์ โรม ผิดหวัง! นายกฯ บอกบังคับใช้กฎหมายปกป้องสถาบันอย่างเคร่งครัด แนะ ถอยสักหน่อย เพื่อป้องกันความรุนแรงที่จะตามมา
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
[โปรดคืน “สติ” สู่สังคม แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยวุฒิภาวะ]
วันนี้ผมได้ร่วมอภิปรายในญัตติเรื่องขบวนเสด็จ โดยผมขอเริ่มต้นด้วยการแสดงความเห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา บรรยากาศที่เกิดขึ้นหลังตามที่เห็นภาพในข่าว บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และเลยไปกว่าสถานการณ์จริงไปมาก ผมเข้าใจว่าท่านทั้งหลายอาจจะมีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ไปต่างๆนานา แต่หากไม่พิจารณาเรื่องนี้อย่างมีวุฒิภาวะด้วยจิตใจอันมั่นคง สิ่งที่ท่านทั้งหลายกำลังร่วมกันสร้าง คือ การสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ซึ่งหลักฐานสำคัญว่าการสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ไม่ใช่สิ่งที่ผมพูดไปเอง หากแต่ได้ปรากฏให้เห็นผ่านการทำร้ายร่างกาย โดยกลุ่มเคลื่อนไหวกลุ่มหนึ่ง ที่เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ ต่อหน้าสื่อมวลชน และต่อหน้าธารกำนัลอีกจำนวนมากที่ผ่านไปมาในพื้นที่ใจกลางเมืองหลวง และจนถึงวันนี้ หลังจากมีเหตุการณ์ดังกล่าว เท่าที่ผมทราบจากสื่อมวลชน คือยังไม่ได้มีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ทีก่อความรุนแรงดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย|
พี่น้องครับในการขับรถติดตามขบวนเสด็จของคุณตะวันและเพื่อนๆในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หากเราพิจารณาจะพบว่าเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใจเย็นเป็นอย่างมาก การควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่าทีเช่นนี้ทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลาย เป็นวิธีการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและมีวุฒิภาวะ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งผมเชื่อว่าหาก กลุ่มนักเคลื่อนไหว มีความพยายามที่จะกระทำบางอย่างที่มากกว่าที่เราเห็น อย่างการบีบแตร หรือการขับรถจี้ท้ายขบวนรถปิดท้ายของขบวนเสด็จ ผมก็เชื่อว่าในการรักษาความปลอดภัยขบวนเสด็จก็คงจะมีการยกระดับมาตรการป้องกันอย่างแน่นอน มากไปกว่านั้น หากเราพิจารณาจาก พ.ร.บ. การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 7 กฎหมายก็ได้ให้อำนาจอย่างเพียงพอที่จะหามาตรการที่เหมาะสมในการถวายความปลอดภัยแก่พระบรมวงศานุวงศ์ได้อยู่แล้ว ไม่ได้กำหนดเฉพาะเจาะจง แต่ได้กำหนดให้ผู้มีอำนาจ สามารถปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ทั้งหมดที่ผมพูดมาเพื่อจะบอกว่าวันนี้สิ่งที่เราต้องมีคือ “สติ” สิ่งที่เกิดขึ้นของกลุ่มนักเคลื่อนไหว หากมีการกระทำที่ผิดจริงตามกฎหมาย เรื่องนี้เข้าใจได้ ถ้าจะว่ากันตามกฎหมาย แต่การปรับใช้กฎหมายที่มากกว่านั้น จะต้องถูกใช้อย่างโปร่งใส ได้สัดส่วนความผิดที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งคำถามสำคัญคือ ความผิดดังกล่าวกับความผิดที่กำลังปรับใช้ได้สัดส่วนหรือไม่ ซึ่งผู้มีอำนาจต้องมีหน้าที่ตอบคำถาม มิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นปัญหาใหม่ ที่จะลุกลามบานปราย และไม่จบสิ้น ปัญหาเดิมยังไม่แก้ ปัญหาใหม่กำลังจะมา
พี่น้องประชาชนครับ ผมรู้สึกผิดหวังที่นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดีของบ้านเมืองนี้การพูดว่า “ผมและคณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบันฯครับ” แปลว่าอะไรครับ ฟังท่อนแรกเกือบดีครับ แต่ท่อนต่อมาฟังแล้วผมไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ท่านนายกฯ กำลังเรียกร้องให้มีการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรงเลย ท่านไม่ได้เรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อความรุนแรง แล้วเราจะปกครองบ้านเมืองกันอย่างไร คำพูดแบบนี้แหละครับที่เป็นเสมือนการเขียนเช็คเปล่าให้ผู้ที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ผู้นำควรปฏิบัติจริงๆ หรือ
หากเราถอยไปสักหน่อย ย้อนกลับไปดูการกระทำของคนกลุ่มนี้ มีหลายครั้งที่พวกเขาพยายามนำเสนอวิธีการอย่างสงบในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เราอาจจะเห็นเขาตั้งคำถามหลายๆคำถามที่เสียดแทงจิตใจของคนในสังคม ผ่านการให้คนได้ติดสติ๊กเกอร์ เราอาจจะไม่ชอบวิธีการที่เขาใช้ เราอาจจะไม่เห็นด้วยกับการที่เขาถาม แต่เราต้องยอมรับว่าการตั้งคำถาม และการติดสติ๊กเกอร์แม้อาจจะทำให้บางคนปวดร้าวในจิตใจ แต่ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้ลงมือทำร้ายใคร
เขาทำแบบนี้ เราะที่ผ่านมาเราอาจจะทำหน้าที่ในสภาได้ไม่ดีพอ เราไม่สามารถนำบทสนทนาที่เกิดขึ้นบนท้องถนน เข้ามาสู่สภาและพุดแทนพวกเค้าได้ เราอาจะกำลังล้มเหลวงและปล่อยให้เค้าต้องดิ้นรนหาวิธีกันเอง และสิ่งที่ตามมาคือการบังคับใช้กฎหมาย นิติสงคราม ทำให้คนที่รณรงค์ผ่านการถามด้วยสติกเกอร์ต้องกลายเป็นต้องใช้วิธีการอื่น เพื่อทำให้ประเด็นของพวกเขาถูกสนใจ
วันนี้เราเห็นสัญญานที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ของการสร้างความหวาดกลัว กลุ่มที่เรียกตัวเอง ว่า ศปปส. โพสต์ข้อความปลุกปั่นในโซเชียลว่า “จะเชือดไก่ให้ลิงดู” เก็บคุณตะวันที่อายุ 20 ปีเป็นคนแรก “ขู่ฆ่า” น้องหยกที่อายุ 15 ปี หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าอาชีวะราชภักดี ที่ขู่จัดการคุณสายน้ำ “ตามสไตล์อาชีวะ ปะทะก่อนค่อยคุย” นี่คือกลุ่มคนที่จะนำพาความรุนแรง และความหวาดกลัวให้เข้ามาในสังคม เราไม่รู้ว่าข้อความปลุกปั่นแบบนี้จะมีอีกกี่ข้อความ จะมีคนเห็นด้วยอีกกี่คน แต่ก็เริ่มมีคำพูดประทุษวาจ ที่ผมไม่อยากเอ่ยในสภาแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ท่านชาดา ไชยเศรษฐ์ ที่ไปไกลถึงขนาดไปว่ากล่าวในเรื่องของการเนรคุณแผ่นดิน การปลุกปั่นแบบนี้กำลังให้สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าความเป็นจริงมาก และสิ่งที่ตามมา นอกจากจะเป็นการดึงสถาบันเข้ามากลางความขัดแย้ง กำลังทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วท่านจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยได้อย่างไร เมื่อสุดท้ายผีที่ท่านสร้าง มันมาจากพวกท่านเอง
ถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ สุดท้ายมันนำไปสู่การข่มขู่ว่าจะโยน กลุ่มเยาวชนโยนลงสกายวอร์ค ถ้าวันนึงเราปล่อยให้สถานการณ์บานปลายต่อไปเรื่อย ซึ่งผมในฐานะของสส.คนนึงที่พยายามดึงสติ หากไม่มีการดึงสติกันเอง แล้วความรุนแรงมันเกิดขึ้นจริง ใครจะรับผิดชอบ ดังนั้นผมอยากจะใช้โอกาสนี้ ส่งเสียงไปถึงท่านนายกฯ และรัฐบาล ว่าให้ตั้งสติครับ เพราะหากความรุนแรงมันเกิดขึ้น แล้วสุดท้ายผู้ที่ใช้ความรุนแรงซึ่งวันนี้ รู้สึกว่าใช้ความรุนแรงโดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คนเขาจะหาว่ารัฐบาลคือผู้ที่อยู่เบื้องกลุ่มคนเหล่านี้ อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลยครับ ขอบคุณครับ
เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS