สืบนครบาล จับ “เอ ห้วยศาลา” ทำเด็กหญิง 7 ขวบ นาน 4 ปี เด็กพึ่งมารู้ว่าเป็นการถูกข่มขืน เด็กเล่า“หนูพึ่งมารู้ว่ามันคือการถูกข่มขืน ทำกับหนูหลายครั้งตั้งแต่หนู 7 ขวบ”
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายอิทธิพร อายุ 40 ปี หรือ “เอ ห้วยศาลา” พื้นเพคน อ.ปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.24/2567 ลงวันที่ 8 ม.ค. 67 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น , พาบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม , กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน
โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น , พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร”
โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหลังบ้านไม่มีเลขที่ ซ.หมู่บ้านบัวงาม แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพ
พฤติการณ์กล่าวคือ “หนูพึ่งมารู้ว่ามันคือการถูกข่มขืน มันทำกับหนูหลายครั้งตั้งแต่หนู 7 ขวบ” คำพูดอันแสนบริสุทธิ์ของ “เด็กหญิง” วัยเพียง 11 ปี ที่สารภาพกับมารดาตัวเองว่าได้ถูก “อาเขย” ซึ่งอยู่ในชายคาเดียวกัน ลวงละเมิดหลายต่อหลายครั้ง จนเวลาผ่านไปกว่า 4 ปี กระทั่งปัจจุบันเธอเติบโตขึ้นแล้วเข้าใจว่าสิ่งที่เธอถูกกระทำนั้นคือการ “ถูกข่มขืน” เธอตัดสินใจเล่าเรื่องราวนี้ให้ครอบครัวของเธอฟัง ซึ่งผู้ปกครองของเธอก็ได้พาเธอมาแจ้งความดำเนินคดีทันที โดยเธอได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่เริ่มตั้งแต่ประมาณปลายปี 2562 นายอิทธิพร หรือ “เอ ห้วยศาลา”
ซึ่งเป็นอาเขยของเธอ พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับเธอ พอตกช่วงค่ำได้ล่อลวงให้เข้าไปดูการ์ตูนในห้อง ซึ่งเมื่อเธอเข้าไปในห้องน้าเขยก็จะล็อคห้อง แล้วจับเธอแก้ผ้า จากนั้นก็ลูบคลำเธอ ก่อนจะลงมือข่มขืนเธอ ก่อนจะใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณทวารหนักของเธอ และลงมือข่มขืนเธอ “ทางประตูหลังทุกครั้ง”
หลังเจ้าหน้าที่และครอบครัวเธอรับฟังเรื่องราวจากคำให้การของเธอก็พากันอึ้งไปกับความบัดซบนี้ หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานจนล่าสุดได้ออกหมายจับอาเขยแสบรายนี้แล้ว แต่คนร้ายไหวตัวทันได้หลบหนีออกจากบ้านหายเข้ากลีบเมฆทันทีไม่ว่าจะตามอย่างไรก็ไม่เจอ ความบอบช้ำทางจิตใจไม่เพียงเกิดขึ้นกับตัวเด็กหญิง แต่ส่งผลไปถึงมารดาของเด็กหญิงที่ต้องทนขมขื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันที่เห็นบุตรสาว หอบเอกสารขอความช่วยเหลือไปที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.
หลังทราบเรื่อง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ส่งชุดพระกาฬไล่ล่าเดนนรกรายนี้อย่างเต็มกำลัง แต่งานนี้สุดหินเพราะเจ้าตัวเริ่มเผ่นหนีไปตั้งแต่ฝ่ายเด็กหญิงผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี เบาะแสสุดแสนจะเลือนรางแต่ไม่สู้ความพยายาม กระทั่งได้เบาะแสว่าคนร้ายกำลังมีความสัมพันธ์เป็นมือที่ 3 กับสาวโรงงานย่านอ่อนนุช จึงได้นำกำลังลงพื้นที่กว่า 1 สัปดาห์แต่ยังไร้เงาคนร้าย
เสมือนฟ้ามีตา ระหว่างชุดสืบสวนนั่งรับประทานอาหารในละแวกอ่อนนุช คนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาหน้าไปดื้อๆ กว่า 1 สัปดาห์ที่ชุดสืบสวนได้เพียงมองภาพถ่ายคนร้าย ครั้งนี้ได้พบตัวเป็นๆครั้งแรก ทุกคนวางจานข้าวกระโดดขึ้นรถควบตามไปทันที จนถึงแหล่งกบดานคนร้ายที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน ซ.หมู่บ้านบัวงาม ซอยอ่อนนุช 39 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งการเข้าตรวจสอบทันที แต่คนร้ายไหวตัววิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ไปในป่าละเมาะด้านหลัง ชุดสืบสวนวางกำลังปิดล้อมกว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งพบตัวคนร้ายหลบคุดคู้อยู่ในมุมป่า จึงทำการจับกุมตัวทันที
ในชั้นจับกุม นายอิทธิพรฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนไม่ยอมรับข้อหาที่ถูกแจ้ง ถ้าหากตัวเด็กไปแจ้งตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ตอนนั้นคงยอมรับไปแล้ว แต่ตอนนี้ในบ้านที่เด็กอยู่ก็อยู่กันตั้งหลายคน อีกทั้งถ้าเด็กถูกกระทำทั้งทางอวัยวะเพศหรือทางทวารหนักจะต้องร้องหรือเดินโซซัดโซเซแล้ว ไม่มีหลักฐานใดๆมาถึงตน และบอกว่าที่หลบหนีเจ้าหน้าที่เพราะว่าคดีแบบนี้เจ้าหน้าที่จะเชื่อเด็กมากกว่าตนเอง ยืนยันว่าตนไม่ได้ไปก่อเหตุแบบนี้กับคนอื่นๆอีก ถ้ามีจะแจ้งความก็ไปเอาหลักฐานมา”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ทางคดีเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะคำพูดของเด็กนั้นบริสุทธิ์มากกว่า และยังมีพยานหลักฐานอื่นทำให้ศาลอนุมัติหมายจับคนร้ายรายนี้ และจากการสืบสวนของเราคนร้ายรายนี้มักมีพฤติกรรมรักใคร่เด็กสาว เป็นไปได้สูงว่าจะมีเด็กหญิงรายอื่นๆเคยตกเป็นเหยื่อ ซึ่งระหว่างนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป โดยปัจจุบันนี้ตัวของเด็กหญิงที่เป็นเหยื่อรายนี้อยู่ในความคุ้มครองของผู้ปกครองปลอดภัยแล้ว จึงขอเตือนภัยไปยังพ่อแม่ผู้ปกครอง คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ การนำบุคคลที่มิใช่คนในครอบครัวใกล้ชิดกับบุตรหลานของท่าน ต้องหมั่นตรวจสอบตามร่างกายของเด็ก เพราะเฉกเช่นคดีนี้ตัวเด็กไม่ทราบว่าที่ตนเองถูกกระทำนั้นคืออะไร
ฉะนั้นแล้วอย่าชะล่าใจให้หมั่นตรวจสอบ และหากพี่น้องประชาชนหากพบเห็นที่เข้าข่ายลักษณะขบวนการนี้สามารถติดต่อให้เบาะแสทาง เฟซบุ๊กเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง “แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที” ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”