News
ด่วน! นายกฯประกาศ เตรียมเปิด ผับ-บาร์ ให้ประชาชนดื่มเหล้า-เบียร์ได้ !!
Published
3 ปี agoon
By
Admin Tojoนายกฯ แถลงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ไม่ต้องกักตัว 1 พ.ย.นี้ และ 1 ธ.ค. เปิดขายแอลกอฮอร์ในร้านได้ ผับ บาร์
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า 20.30 น.วันที่ 11 ต.ค.64 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในแถลงการณ์ ว่า พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ
หนึ่งปีครึ่ง ที่ผ่านมาเราได้ผ่านความท้าทายที่หากไม่นับช่วงเวลา ศึกสงครามนี่ถือเป็นความท้าทาย ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่มี ใครในประเทศไม่ได้รับผลกระทบ
และเช่นเดียวกัน ก็ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่ได้รับผลกระทบ
ที่ผ่านมาเป็นความหนักใจที่สดุในชีวิตของผมเองด้วยที่ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างปกป้องชีวิตคน กับปกป้องการทํามาหากิน เป็น 2 ทางเลือก ที่ไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้
เมื่อเราเลือกท่ีจะ ปกปัองชีวิตประชาชน เรากลับต้องทําให้ชีวิตเหล่านั้น พบเจอกับความยากลําบากในการทํามาหา เลี้ยงชีวิตต้องอย่อูย่างไม่มีรายได้
หรือหากเราเลือกที่จะปกป้องการทํามาหากินตามปกติของ ประชาชนเราก็คงต้องเจอกับการสูญเสียชีวิต ที่อาจจะเป็นคนในครอบครัวเพื่อน เพื่อนบ้านหรือ แม้กระทั่งคนที่เป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัว
เราต้องเจอกับทางเลือกแบบนี้ ทำให้ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ช้าไม่ได้
เราทำแบบรอดูสถานการณ์ ก่อนไม่ได้
ดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่มที่เราต้องประเชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผมเลือกที่จะไม่ยอมให้มันพลาดเอาชีวิตของพี่น้องคนไทยไปเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
เพราะฉะนั้น ผมได้ตัดสินใจอย่างชัดเจนแน่วแน่ ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขที่ยอดเยี่ยมของเรา ที่นี่มีอยู่มากมายหลายท่านเราลงมือทำอย่างรวดเร็ว
ด้วยการใช้ มาตรการที่เข้มงวดต่างๆ
พร้อมกับขอความร่วมมือจากประชาชนคนไทย ด้วยความร่วมมือการของทุกภาคส่วนในสังคมเผชิญหน้ากับวิกฤตที่เกิดขึ้นวันนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน
และด้วยความเสียสละอย่างมหาศาล อดทนเจอ กับความยากลําบากในการทํามาหากินสญูเสีย รายได้ สญูเสียเงินเก็บ ธุรกิจพัง สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่พวกเราแลกไป เพื่อรักษาชีวิตของพ่อแม่พี่น้อง และเพื่อนของเราเอาไว้ให้
พวกเขายังคงอยู่กับเราในวันนี้
วันนี้นี้ความเสี่ยงในเรื่องการสญูเสียชีวิตที่จะเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ในประเทศไทย กําลังค่อยๆลดลง ถึงแม้ว่าความเสี่ยงนั้นจะยังมีอยู่ แรกเรายังต้องระวังรักษาความสามารถของระบบสาธารณสุขโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ของเราอยู่ก็ตาม
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องค่อยๆเตรียมตัว กล้าที่จะเผชิญกับโควิด-19 โดยมีความพร้อม เรื่องยารักษาและวัคซีนป้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อไปอีกไม่นาน เราก็จะต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต อยู่กับมันเหมือนกับโรคภัยอื่นๆ ที่กลายเป็นโรคประจําถิ่น
วันนี้ผมอยากประกาศหนึ่งก้าวเล็กๆแต่เป็นเก้าที่สำคัญที่เรากำลังจะเดินบนเส้นทางที่จะช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาทำมาหาเลี้ยงตัวเองกันได้อีกครั้ง
ในช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยต่างค่อยๆ เริ่มอนุญาตให้ประชาชนของเขา
เดินทางได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากมายเช่น อังกฤษตอนนี้ เพิ่งจะอนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาประเทศไทยได้โดยไม่ยุ่งยาก
หรือยังสิงคโปร์ และออสเตรเลีย ก็เพิ่งเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไขในการเดินทางไปต่างประเทศของประชาชน
ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นแบบนี้เราเองแหมยังต้องระมัดระวัง แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ไวเพื่อไม่ให้เสียโอกาส ที่อย่างน้อยเราจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวมาได้บ้างในช่วงเทศกาล เดินทางท่องเที่ยววันหยุดสิ้นปี ใน3 เดือนข้างหน้าเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการทำมาหากินของประชาชนนับล้านๆคน ในภาคการท่องเที่ยวการเดินทางและ ภาคธุรกิจพักผ่อนหย่อนใจและบันเทิง รวมถึงภาคธุรกิจอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมได้สั่งการให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณา
โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไปประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศโดยมาจากประเทศที่เรากำหนดว่าเป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ
เราจะขอเพียงแค่เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทยทุกคนจะต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19
โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด -19ด้วยวิธีRT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทางและจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย
หลังจากนั้นจึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่างๆได้อย่างอิสระเช่นเดียวกับคนไทยปกติทั่วไปสามารถทำได้
ในเบื้องต้นเราเริ่มต้นกําหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ที่อย่างน้อย10ประเทศ ซึงจะรวมประเทศ
อย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา
โดยเราจะตั้งเพาเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีกภายในวันที่ 1 ธันวาคมและหลังจากนั้นภายในวันที่ 1 มกราคมเราจะเพิ่มจำนวนประเทศไทยมากขึ้นอย่างกว้างขวาง
ส่วนผู้ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำเรายังให้การต้อนรับเข้าประเทศไทยแต่จำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกําหนด
พร้อมกันนี้ภายในวันที่ 1 ธันวาคมเราจะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจสถานบันเทิงเปิดบริการได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสขุ ที่เหมาะสม เพื่อสนับสนนุ และกระตุ้น ภาคการท่องเที่ยว
การพักผ่อนและบันเทิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่
ผมรู้ว่าการตัดสินใจแบบนี้มีความเสี่ยงที่เกือบจะแน่นอนเลยว่าเมื่อเราเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราวซึ่งเราจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประเมินดูว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร
เราต้องไม่ปล่อยโอกาสนี้เพราะถ้าเราต้องเสียโอกาสในช่วงเวลาทองของการทํามาหากินไปอีกเป็นปีที่2ติดต่อกัน ผมคิดว่าประชาชนคงรับมือ ไม่ไหวอีกต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเห็นว่า ใน2-3เดือน หรือ4 เดือนข้างหน้า มีสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากเกิดขึ้นอีกแน่นอนเราก็ต้องจัดมาตรการที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดีมาจัดการคุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้เมื่อเรารู้ว่าไวรัสนี้ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องตกใจมาแล้วหลายรอบดังนั้นเราต้องพร้อมรับมือหากมันเกิดขึ้นอีก
เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้ตั้งเป้าที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวให้ได้ภายใน 120 วันพร้อมกับเร่งเครื่องการฉีดวัคซีนให้ประชาชน
วันนี้ผมขอใช้โอกาสนี้ชื่นชมความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าหน้าที่และบุคลากรสาธารณสุขทุกท่านเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานส่วนงานอื่นๆรวมทั้งพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนสำหรับความร่วมมือของทุกท่านที่ตอบสนองต่อคำร้องขอของผมเมื่อเดือนมิถุนายน
หลังจากที่เราตั้งเป้า 120 วันก็ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ทำทุกวิถีทางเพื่อจัดหาวัคซีนมาให้ได้เพิ่มมากขึ้นและแย่งชิงกับประเทศอื่นเพื่อให้เราได้รับส่งมอบวัคซีนเข้ามาซึ่งทั้งหมดนี้เราประสบความสำเร็จอย่างมาก
การส่งมอบวัคซีนของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึงสามเท่าในทันทีจากเดือนพฤษภาคมเราได้รับส่งมอบวัคซีน 4 ล้านโดส กลายเป็นเราได้รับส่งมอบวัคซีนถึง 12 ล้านโดสในเดือนกรกฎาคม
และได้รับส่งมอบ วัคซีนอีกถึงเกือบ14ล้านโดสในเดือนสิงหาคมและวันนี้เราจะได้รับส่งมอบวัคซีนเข้า ประเทศไทย ถึงมากกว่า 20 ล้านโดสต่อเดือน ไปจนถึงสิ้นปี รวมเป็นวัคซีนจํานวนมากกว่า 170ล้านโดส เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้เป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันเพื่อที่จะสนับสนุนเป้าหมาย 120 วันเจ้าหน้าที่และบุคลากรสาธารณสุขเร่งเครื่องการฉีดวัคซีนรวมทั้งพี่น้องประชาชนต่างก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนถึงแม้ว่าจะมีความไม่สะดวกสบายในเรื่องของการนัดหมายบ้างก็ตามซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือจากเดิมที่เราฉีดวัคซีนได้อยู่ที่ประมาณ 80,000 โดส ต่อวันเมื่อเดือนพฤษภาคม
แต่หลังจากการตั้งเป้า 120 วันเพียงหนึ่งเดือนจำนวนการฉีดวัคซีนต่อวันของประเทศไทยพุ่งขึ้นทันทีทีมสาธารณสุขของไทยดันยอดการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าและดันขึ้นเรื่อยเรื่อยจนถึงขณะนี้ประเทศไทยติดอันดับ1 ใน 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลกปัจจุบันนี้เฉลี่ยแล้วเราฉีดวัคซีนมากกว่า 700,000 โดสต่อวัน
ในบางวันเราฉีดวัคซีนได้มากกว่า 1,000,000 โดสก็ยังมีภายหลังการตั้งเป้า 120 วันเปิดประเทศโดยไม่ต้องกักตัวเมื่อกลางมิถุนายนเพียงไม่นานทั้งโลกต้องเจอกับการแพร่ระบาดที่รุนแรงของสายพันธุ์เดลต้าที่ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากทั้งโลกในช่วงเดือนสิงหาคมเช่นเดียวกับในประเทศไทยที่ตอนนั้นหลายคนคงทำใจแล้วว่าเราไม่น่าจะสามารถเปิดประเทศโดยไม่ต้องกักตัวได้ภายในปีนี้
You must be logged in to post a comment Login