พิธา รับข้อเสนอ 21 ข้อ จาก ชัชชาติ เดินหน้าแก้ปัญหากับว่าที่รัฐบาลใหม่ โดย 1 ในนั้น มีแก้ปัญหารถติดใน กทม.
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือแนวทางการทำงานในอนาคตเพื่อพัฒนากรุงเทพ กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล และคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร
โดยภายหลังการประชุมร่วมกัน 1 ชั่วโมง ชัชชาติ เปิดเผยว่า ยินดีต้อนรับทีมพรรคก้าวไกล ทีมงานที่เข้มแข็ง วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้มาพบปะร่วมหารือกัน การร่วมมือกันเป็นสิ่งสำคัญต้องขอขอบคุณทาง พิธา ที่ให้ความคิดเห็นดีๆหลายอย่าง
ส่วนตัวเชื่อว่า การทำงานของเหล่าว่าที่ส.ส พรรคก้าวไกล ที่ได้ลงไปในพื้นที่จะได้รับผลตอบรับจากประชาชนที่ดี การมีผู้ปฏิบัติงานที่ดีอยู่ในหน่วยที่เข้มแข็งก็จะทำให้เราหาคำตอบของปัญหาได้ วันนี้เป็นก้าวแรกของการเดินทางไกล เดินไกลๆด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทั้งของ กทม. กับ พรรคก้าวไกล คือการทำประโยชน์ให้ประชาชนสูงสุด
ด้าน พิธา กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้ว่าฯ กทม.เช่นกัน ที่ช่วยโฆษณาพรรคก้าวไกลให้ก้าวได้ไกล สิ่งสำคัญ คือ ต้องก้าวด้วยกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่พรรคคิดมาโดยตลอดในการทำงานอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ปัญหาหลายเรื่องในกทม.ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเก่าที่ค้างมานาน หรือปัญหาใหม่ที่เป็นความท้าทายที่พึ่งเกิด ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไร้รอยต่อตั้งแต่ระดับรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ส.ส และสภากรุงเทพมหานคร เรื่องของงบประมาณ หรือการดำเนินงาน จะทำให้กทม. ทำงาน ได้คล่องตัวมากขึ้น วันนี้ตนและคณะจึงมารับข้อเสนอจากทางผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง 21 ข้อ
สำหรับปัญหาเรื่องฝุ่นมลพิษ หนึ่งในประเด็นที่หารือร่วมกัน พิธา กล่าวว่า อำนาจของ กทม.สามารถจัดการตรวจสอบรถโดยสาร ยานพาหนะที่ต่ำกว่า 4 ล้อ ได้ทันทีเป็นอำนาจโดยตรง แต่อนาคตต้องหารือเพิ่มเติมว่าจะขยายขอบเขตหรือบริหารอย่างไรได้บ้าง
ส่วนการทำงานอย่างไร้รอยต่อประเด็นที่ 2 ได้เรียนทางผู้ว่าฯ กทม.ว่า ในกฎหมาย 45 ฉบับของพรรคก้าวไกลที่จะเสนอ มีส่วนที่ กทม.มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น พ.ร.บการเลือกผู้ว่าเขต ซึ่งเรื่องนี้ตนได้นำเสนอให้ผู้ว่าฯ กทม.รับทราบไว้แล้ว
พิธา กล่าวต่อในประเด็นที่ 3 ว่าด้วยการตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน หรือ BANGKOK TRANSITION TEAM ในการทำงานของกรุงเทพมหานครกับพรรคก้าวไกล จะมีการแบ่งข้อมูล การสื่อสารระหว่างกัน โดยประธานฝั่งพรรคก้าวไกลคือ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไดล และประธานฝั่ง กทม. คือ ต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ฉะนั้น การประชุมวันนี้จะไม่จบลงแบบเปล่าประโยชน์แต่จะเป็นรูปประธรรมและนำไปสู่ประเด็นพิจารณาครั้งที่ 2 และ 3 ต่อไปเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อ กทม.
นอกจากนี้ เรื่องเร่งด่วนช่วงฤดูฝนมีเรื่องการจัดการระบายน้ำ การแก้ปัญหาเรื่องน้ำทะเล การคมนาคมต้องสามารถเอาเทคโนโลยีเข้ามาร่วมได้ เรื่องรถติดต้องแก้ไขให้ได้มากที่สุดแต่ไม่จบแค่ที่ กทม. แต่ต้องแก้ถึงปริมณฑลได้ด้วย
ในประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น พิธา กล่าวว่า ข้าราชการที่ดีมีเยอะ แต่อาจจะมีข้าราชการบางคนที่ใช้โอกาสของการใช้ดุลยพินิจในขั้นตอนการขอใบอนุญาตมาทุจริตเรียกรับสินบน ขณะนี้ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ติดตามประเด็นนี้ และล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่พรรคเพื่อไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องคอร์รัปชั่น
ซึ่ง วิโรจน์ ทำงานในคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย ซึ่งไม่ได้ดูปัญหาแค่ในกทม. แต่ดูครอบคลุมทั้งประเทศ เช่น ส่วยน้ำมัน ส่วยโรงเรียน รวมถึงใบอนุญาตต่างๆที่พบว่าข้าราชการมีการยืดเวลาเพื่อเรียกรับเงินใต้โต๊ะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องงรถไฟฟ้าสายสีเขียวและการย้ายท่าเรือคลองเตยจะมีการหารือเลยหรือไม่ พิธา กล่าวว่าประเด็นดังกล่าวจะอยู่ในการประชุมของคณะกรรมการ BANGKOK TRANSITION TEAM โดยละเอียดต่อไป
สำหรับข้อเสนอ 21 ข้อจากกรุงเทพมหานคร มีดังนี้
1.การใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐเพื่อประโยชน์ของประชาชน
2.ร่วมผลักดันโครงการตามวาระแห่งชาติเรื่อง ฝุ่น PM2.5
3.ทบทวน ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
4.ร่วมมือกับรัฐในการแก้ไขปัญหาจราจร
5.ศึกษาแผนระยะยาวในการป้องกันน้ำทะเลขึ้นสูง เนื่องจากสภาวะโลกร้อน
6.หาแนวทางในการจัดสรรงบประมาณให้สะท้อนกับความเป็นจริง
7.นำสายสื่อสารลงดิน โดย กสทช. กทม. กฟน. และ ผู้ประกอบการ
8.หาข้อสรุปร่วมกันสำหรับโครงการรถไฟฟ้า
9.สนับสนุนการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ค่าโดยสารร่วม รถเมล์ รถไฟฟ้า เรือ ให้เป็นระบบเดียว
10.ร่วมกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง
11.พัฒนา Open Bangkok โดยการสนับสนุนข้อมูลจากรัฐ
12.ส่งเสริมการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเมือง
13.ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ
14.แก้ พรบ. กทม. ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
15.เร่งรัดโครงการค้างอยู่ที่ต้องอาศัยเงินจากรัฐบาล
16.ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
17.ส่งเสริมกลไกระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโรงพยาบาล Bangkok Health Zones
18.ยกระดับระบบการป้องกัน บรรเทาสาธารณภัยและการบริหารเรื่องฉุกเฉินตั้งแต่การเผชิญเหตุไปจนถึงการชดเชยค่าเสียหาย
19.ทบทวนอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการจัดการบุคลากรภาครัฐ โดยเฉพาะงานด้านสาธารณสุขและสาธารณภัย
20.ทบทวนแนวทางการจัดทำความร่วมมือบ้านพี่เมืองน้องของเมืองให้ท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้คล่องตัวมากขึ้น
21.ยกระดับการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป