News
ดูเรียนนำทัพธุรกิจต้นไม้ไทยส่งออกตะวันออกกลาง | O2O
Published
11 เดือน agoon
By
O2O Forumเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 คุณบอม โอฬาร วีระนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จำกัด (DURIAN) ปิดดีลส่งออกต้นไม้ไทยสร้างป่ากลางตะวันออกกลาง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ไปให้สุดขอบโลก Edge of The World ที่กรุงริยาร์ด ซาอุดิอาราเบีย” โดยคุณบอมได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Olarn Bom Weranond เรื่องพันธกิจของ YAK green channel ที่ได้เดินทางไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อลงสำรวจพื้นที่ในการสร้างป่า
ซึ่งการมาซาอุดิอาราเบียในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 8 ที่คุณบอมลงมาซาอุดีอาระเบีย (KSA : Kingdom of Saudi Arabia) ในรอบ 1 ปี นับจากการเปิดความสัมพันธ์ที่หยุดชะงักมากว่า 30 ปี คือ นอกจากการมาร่วมงาน Saudi Agriculture 2030 ซึ่งเป็นงานด้านการเกษตรที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจัดโดย กท. เกษตร ของซาอุฯ และนักธุรกิจไทย โดยมีเป้าหมายในการลงสำรวจ พื้นที่ที่ต้องการจะลงมือทำ พูดคุยกับคู่ค้าพันธมิตร โอกาส ความเสี่ยง ในการดำเนินการจริง ในหลากมิติ รวมทั้งศึกษาภูมิประเทศ สังคม วัฒนธรรม ในเชิงลึก ด้วยจะทำทั้งที ต้องทำอย่างมืออาชีพ และทำให้ดีที่สุดเสมอ ดูเนื้อหาบน O2O Forum
“สุดขอบโลก คือ ทั้งธรรมชาติ โอกาส วิสัยทัศน์ และสถานที่ที่น่าตื่นตา”
“Edge of the World” หรือ “สุดขอบโลก” คือ ชื่อกลุ่มภูเขา และทิวเขาหินปูน ที่อยู่ห่างจากใจกลางกรุงริยาร์ด ออกไปราว 100 กม. ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางราว 2.5 ชั่วโมง เส้นทางสุดท้าทาย และเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ ด้วยความเวิ้งว้าง และความสวยงามของธรรมชาติ และทะเลทรายแบบสุดสายตา
“หน้าผาสูงกว่า 300 เมตร ที่ทอดตัวยาวกว่า 1,000 กม. คือ Hi-light ของการเดินทาง”
สิ้นสุดการเดินทาง เราจะได้พบกับภูเขาทูเวค (Tuwaiq) ที่ทอดยาวกว่า 1,000 กม. และมีความสูงกว่า 300 เมตร หรือเทียบกับตึกสูงราว 100 ชั้น และอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 900 เมตร ถือเป็นดินแดนในฝันที่ต้องมาให้ได้สักครั้งสำหรับผู้ที่ชื่นชมธรรมชาติ รักการปีนเขา เดินเทรกกิ้ง ไฮกิ้ง และหากใครชื่นชอบ ยังสามารถซึมลึกกับวัฒนธรรมการชงกาแฟและชาแบบดั้งเดิม ของชาวซาอุฯ และเพลิดเพลินกับวิวพระอาทิตย์ขึ้น หรือตก กับอาหารมื้อเบา ๆ (ต้องเตรียมมา หรือซื้อทัวร์มาก็ได้เช่นกัน)
“เห็นสุดขอบโลก แล้วหวนคิดถึง สมเด็จย่า ในหลวง ร.9 และดอยตุง”
เมื่อยืนอยู่บนหน้าผาของภูเขาทูเวค (Tuwaik) ที่แทบจะปราศจากต้นไม้ แห้งแล้ง ด้วยภูมิประเทศที่เป็นทะเลทราย และภูเขาหินสุดสายตา แต่เมื่อสังเกตลงไปที่พื้นดินด้านล่าง หรือมองระหว่างเส้นทางเราจะเห็นพืชบางชนิดกระจายตัวอยู่ในหุบเขากลางทะเลทรายแห่งนี้ เช่น ต้นซามาร์ (Samar Trees), อาคาเซีย (Acacias) และในบางจุดยังสามารถเห็นการปลูกแตงโม (Watermelon) ในพื้นที่ระหว่างการเดินทาง และหากมีเวลาและออกสำรวจพื้นที่อย่างจริงจัง เราอาจได้พบฟอสซิลของสัตว์ทะเล และหอย กระจายตัวอยู่ที่นี่ ซึ่งบ่งชี้ว่า พื้นที่นี่เคยมีผืนน้ำ และมีสิ่งมีชีวิตอันอุดมสมบูรณ์ สมชื่อ Riyadh ที่มีรากศัพท์ ว่าดินแดนแห่งภูเขา และสายน้ำ
ยักษเขียวและดูเรียน จะเป็นอีกแรงที่พาต้นไม้ไทยสร้างมูลค่าเพิ่มระดับแสนล้านให้ประเทศ
หากใครเคยไปเยือนดอยตุง จ.เชียงราย ที่บ้านเรา จะได้เห็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ ที่เกิดจาก “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชปรารภว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง” ด้วยทรงพบว่าชาวไทยภูเขาดำรงชีพในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายต้นน้ำลำธาร เผาป่าทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น เมื่อดินจืดก็ย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ จนดอยต่าง ๆ มีสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น จนภูเขาที่ทรงทอดมองแทบไม่เหลือต้นไม้เลย มองไปทางไหนเห็นแต่ดินสีแดงไปหมด จนเรียกว่า “ม่อนดินแดง”
สมเด็จย่า จึงมีพระราชดำริให้บูรณาการทั้งการให้ความรู้ สนับสนุน ฟื้นฟู อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมไปกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของชุมชนชาวไทยภูเขาในบริเวณนั้น เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน จนเกิดเป็นโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อ พ.ศ.2531 โดยใช้แนวคิด “ปลูกป่า ปลูกคน” โดยการจะเริ่มปลูกป่า ในใจคน และกำหนดพื้นที่พัฒนาดอยตุงครอบคลุมพื้นที่ราว 93,515 ไร่ (ราว 150 ตารางกิโลเมตร หรือ 150,000,000 ตร.ม.) ทั้งในเขต อำเภอแม่จัน กิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเป็นผู้ดูแลโครงการประสานกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมาจนปัจจุบัน ที่ใครหากไปเยือนพระตำหนักดอยตุง และมีโอกาสมองออกไปจากพระตำหนัก จะได้เห็นม่อนดินแดง ที่มองจากพระตำหนักของพระองค์ ที่ปัจจุบันกลายเป็นภูเขา ป่าไม้ เขียวชอุ่ม ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ ที่สร้างทั้งความสวยงาม และสดชื่นให้คนไทยและโลกใบนี้อย่างน่าชื่นชม
หากใครติดตามผมมานานจะรู้ว่าแรงบันดาลใจจากสมเด็จย่า และในหลวง ร.9 คือส่วนสำคัญ ในการขับเคลื่อน และขยายความฝันจนสร้าง “ยักษ์เขียว” (YAK GREEN) ขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์ทั้งในมิติของธุรกิจ ชุมชน ประเทศไทยและโลกใบนี้ ดังนั้น เมื่อผมได้มีโอกาส ยืนมอง อยู่บนยอดภูเขาทูเวค (Tuwaik) ที่จุดขอบสุดของโลก The edge of the world ณ ชานกรุงริยาร์ด ใจก็ประหวัดคิดไปถึง การพลิกฟื้นแผ่นดินขนาดใหญ่ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งของสมเด็จย่า และในหลวง ร.9 ที่ทรงทุ่มเทชีวิตของท่าน จนปัจจุบัน แม้เรื่องราวดังกล่าวจะผ่านมากว่า 35 ปี แต่ยังสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืน และเกิดนิมิต จินตนาการขึ้นมาว่า หากเราชาว YAK GREEN เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน สนับสนุนการพลิกฟื้น คืนชีวิต ต้นไม้ และพื้นที่สีเขียว ให้ทะเลทรายสุดลูกหาลูกตาแห่งนี้คืนมาได้ จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ประเทศไทย ซาอุดิอาราเบีย ผู้คน เกษตรกร นักธุรกิจ ของทั้งสองประเทศ และโลกใบนี้ได้มากแค่ไหน จนคุยกับ Alex Akadaj Jantaradacha เพื่อนรัก ผู้ร่วมก่อตั้ง YAK GREEN ร่วมกัน ก็ขนลุก และเชื่อมั่นว่าเราจะทุ่มเทพลังในการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และทำมันให้เกิดขึ้นได้จริงให้ได้ในช่วงชีวิตของเรา
“เตรียมตัวให้ดี ก่อนไปสุดขอบโลก ที่กรุงริยาร์ด”
หากใครอ่านแล้วอยากมาเห็นและสัมผัส แนะนำว่าควรเตรียมตัวสักนิด ทั้งพาหนะ น้ำ และอาหาร สำหรับรถ แนะนำเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ 4×4 เท่านั้น จะมีความปลอดภัยและสะดวกสบายกว่ามาก หากเป็นรถเล็ก อาจต้องจอดในจุดที่ไม่สามารถผ่านโขดหินเล็กใหญ่ได้ และแน่นอนว่า นั่นทำให้เราต้องเดินเท้าไกลขึ้นตามแต่สมรรถนะของรถและคนขับที่จะพาเราไปถึง
ช่วงเวลาที่ดีในการไป คือ ช่วงเช้า หรือเย็น ที่เราสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือตก ได้อย่างงดงาม แต่แน่นอนว่า หากจะไปช่วงเวลาเช่นนี้ ต้องมีคนขับรถมืออาชีพ ที่รู้เส้นทางพาไป ซึ่งเราอาจซื้อทัวร์ หรือหาคนขับที่เชี่ยวชาญไปด้วยจะเหมาะสมกว่า แต่หากจะไปด้วยตัวเองก็ไปได้ (เราก็เป็นเช่นนั้น) แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากๆ และที่สำคัญอย่าลืมเตรียมอาหารไว้รองท้อง และน้ำดื่ม เพราะตลอดเส้นทางเมื่อเข้าสู่หุบเขา ไม่มีร้านค้าใดๆ ยิ่งเราไปในช่วงที่อากาศร้อนมาก ต้องระวังการขาดน้ำ และความร้อน ควรเตรียมพร้อมติดรถไปด้วยจริงๆ
คุณโอฬาร ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า สุดท้าย หากมีโอกาสไปที่ Edge of the world ในช่วงฤดูหนาว ราวเดือน พฤศจิกายน-มกราคม ของทุกปี จะมีความพิเศษที่เราอาจได้ปิคนิก ชงกาแฟในบรรยากาศสุดพิเศษ เคล้าลมหนาว และฤดูฝน ที่พบได้ยากในซาอุดิอาราเบียมากๆ เป็นที่มาว่าทำไมในทะเลทรายเรายังพอเห็นพื้นที่สีเขียวอยู่บ้าง และหากโชคดี อาจได้เห็นน้ำในเขื่อน ที่กักเก็บน้ำจากฤดูฝน ให้เราเห็นเป็น Osais กลางทะเลทรายได้ด้วย
เพิ่มเติมให้อีกนิด สำหรับผู้สนใจ ระหว่างทางขากลับ ของ The edge of the world หากมีเวลา และมีคนแนะนำ เราสามารถพบกับ “ถ้ำค้างคาว” (The Hidden Cave) ถ้ำขนาดเล็ก ที่สวยงาม เต็มเป็นด้วยแร่ธาตุ ที่สะท้อนแสง และมีค้างคาวนับร้อย อาศัยอยู่ในนั้น และมีทั้งอากาศ ความชื้น จนแทบไม่เชื่อว่าถ้ำนี้ตั้งอยู่กลางทะเลทรายของกรุงริยาร์ด
“ขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกคน การเชื่อมสัมพันธ์ และธุรกิจไทย – ซาอุ จะเกิดได้ ก็ด้วยเราร่วมใจกัน”
ในการเชื่อมและฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุ ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ต้องยกเครดิตให้ทุกๆ ฝ่ายในการทำงานร่วมกันตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่เชื่อมความสัมพันธ์จนเป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.ต่างประเทศ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พี่กร ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และภาคเอกชน นำโดย พี่สนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ พี่ไก่ เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลอดจนข้าราชการภาครัฐ ที่ตั้งใจขับเคลื่อน ทั้งพี่ดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ซาอุดิอาราเบีย คนแรกในรอบ 32 ปี และ พี่บ๊วย อภิชาติ ประเสริฐสุด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ และพี่ๆ อีกมากมาย เกินจะเอ่ยได้หมด ที่ร่วมกันทำงานอย่างจริงจังเสมอมา
จนกระทั่งมาถึงยุคที่ คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 30 ของไทย ที่พึ่งมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 ตุลาคม 2566 โดยมีซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ และกลับถึงประเทศไทยเรียบร้อยไปเมื่อวานนี้ (21 ต.ค. 2566) ที่ให้ความสำคัญ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการค้า การลงทุน และการต่อยอดสายสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
เชื่อเถอะว่า คนไทย และศักยภาพของคนไทย สามารถสร้างสรรค์ สิ่งดีๆ ต่างๆ ทั้งในไทยและระดับนานาชาติได้มากมาย หากเราสามัคคี มีความรู้ มีกลยุทธ์ ลงมือทำจริงจัง ไม่ว่าที่ใด เราก็สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันได้จริงๆ ดูเนื้อหาบน O2O Forum
สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O
เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220, 0952156145