เขียนโดย “คุณเอ๋ วัชรินทร์ จัตุชัย” (แชมป์แฟนพันธ์แท้บาสเกตบอล NBA)
หากถามว่าเหตุใด “ไมเคิล จอร์แดน” ตำนานนักบาสเกตบอลถึงได้ร่ำรวย และมีทรัพย์สินกว่า 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 73,200 ล้านบาท ทั้งๆที่ไม่ได้เล่นบาสเกตบอลมามากกว่า 20 ปีแล้ว หนึ่งในคำตอบนั้นก็มาจากรองเท้า “Air Jordan” แบรนด์รองเท้าที่ครองใจนักบาสเกตบอลทั่วโลก และยังเป็นแบรนด์รองเท้าแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแบรนด์นึงอีกด้วย และเมื่อมองลึกลงไปแล้ว บุคคลที่อยู่เบื้องหลังความร่ำรวยของจอร์แดนนั้นก็คือ “เดวิด ฟอล์ก” เอเย่นต์คู่ใจของไมเคิล จอร์แดนนั่นเอง
ย้อนกลับไปในปี 1984 ในตอนที่ไมเคิล จอร์แดนนั้นถูกดราฟเข้ามาสู่ NBA มีหลายแบรนด์สินค้านั้นให้ความสนใจอย่างมากมายทั้ง คอนเวิร์ส, ไนกี้ แต่จอร์แดนบอกว่า “ผมชอบอาดิแดส ผมอยากจะอยู่กับแบรนด์นี้เท่านั้น” ซึ่งเค้าได้บอกผ่านเดวิด ฟอล์ก เอเย่นต์ส่วนตัวว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ไปอยู่ในแบรนด์นี้ แต่สุดท้ายแล้วอาดิแดสก็ไม่ได้แสดงความสนใจในตัวของจอร์แดนเท่าไร นั่นทำให้ไนกี้นั้นพยายามที่จะชิงเอาตัวของจอร์แดนมาให้ได้ แต่กลับกันจอร์แดนนั้นไม่สนไนกี้ และไม่อยากที่จะเจรจาด้วยซ้ำ อุบายที่แยบยลของเดวิด ฟอล์กจึงเกิดขึ้น เพราะเค้ารู้ว่า “ถ้าจอร์แดนไม่เซนต์กับไนกี้ เค้าจะสูญเสียรายได้ และจอร์แดนก็จะไม่มีเงินเข้ากระเป๋าอย่างแน่นอน”
ฟอล์กจึงใช้วิธีที่ฉลาดมาก “เข้าทางคนที่สั่งจอร์แดนได้” นั่นก็คือ “คุณแม่ของจอร์แดน” เค้าได้ไปคุยเรื่องนี้กับเดอโรลิส จอร์แดน แม่ของไมเคิลพร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมของไนกี้ และว่าที่ค่าตัวอันมหาศาลที่สุดให้ นั่นทำให้เดอโลริสนั้นตกลงที่จะไปบอกลูกชายว่า “ไมเคิล ลูกต้องไปฟังข้อเสนอของไนกี้ก่อน แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบ แต่เอาเป็นว่าลูกลองไปก่อนแล้วกัน” ประโยคสั้นๆ แต่ทรงอิทธิพลพอที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์วงการรองเท้าได้ และนั่นก็ทำให้จอร์แดนไปที่สำนักงานใหญ่ของไนกี้ที่โอเรกอน การเจรจาครั้งนั้นจะมีข้อเสนอที่มหาศาล โดยมีรายละเอียดที่ว่า สัญญาของไมเคิล จอร์แดนจะเป็นระยะเวลา 5 ปี ปีละ 500,000 เหรียญ และตบท้ายด้วยโบนัสรวม จะทำให้จอร์แดนได้ราวๆ 7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากสุดสำหรับนักกีฬาในสมัยนั้น และนั่นทำให้ฟอล์กนั้นบอกกับไมเคิลว่า “แบรนด์นี้ให้เกียรติพวกเรามาก และข้อเสนอของเค้าก็ยอดเยี่ยมที่สุด มันไม่มีเหตุผลที่เราจะไม่เซนต์สัญญานะไมเคิล” และไมเคิล จอร์แดนก็ได้อยู่กับไนกี้
ฟอล์กได้ดูและเรื่องสัญญาของจอร์แดนแล้ว และเมื่อมาในปี 1992 รองเท้า Air Jordan นั้นขายดีอย่างมากมาย เค้ารู้สึกว่าจอร์แดนควรจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่านี้ นั่นทำให้เค้าไปเจรจากับไนกี้และเสนอว่า “ไมเคิลควรจะได้รับส่วนแบ่งจากรองเท้าแต่ละคู่ที่ขายได้ด้วยนะ” แม้ว่าในตอนแรกนั้นไนกี้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ฟอล์กก็ได้เกลี้ยกล่อม พร้อมบอกว่า “ไมเคิลจะทำรายได้ให้กับไนกี้มากกว่านี้อีก และมันจะทำให้พวกคุณเป็นบริษัทเบอร์หนึ่งเลย” นั่นทำให้ไนกี้เปลี่ยนรายละเอียด โดยมีการระบุเพิ่มว่าไมเคิล จอร์แดนจะได้รับส่วนแบ่งจากรองเท้าไนกี้ในแต่ละคู่ที่ขายได้ด้วย แน่นอนว่ามันไม่มีการเปิดเผยว่าได้คู่ละกี่ดอลลาร์ แต่นั่นก็ทำให้รายรับของจอร์แดนนั้นมากขึ้นอย่างแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น ฟอล์กยังได้เป็นคนที่แนะนำให้จอร์แดนนั้นนำเงินเอาไปลงทุนในด้านอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งฟอล์กแนะนำให้จอร์แดนนั้นเก็บอพาร์ตเมนท์หรูๆไว้หลายที่ รวมถึงยังแนะนำให้แบ่งเงินส่วนนึงไปร่วมลงทุนกับธุรกิจกอล์ฟ โดยจอร์แดนได้มีหุ้นในสนามกอล์ฟหลายสนาม รวมถึงยังได้มีการเปิดสนามกอล์ฟของตนเองที่ฟลอริด้าอีกด้วย และฟอล์กยังแนะนำให้จอร์แดนนั้นลงทุนในธุรกิจมอเตอร์สปอร์ต เพราะเป็นการแตกไลน์ธุรกิจของจอร์แดน โดยในธุรกิจมอเตอร์สปอร์ตของจอร์แดนนั่นก็คือทีม “ไมเคิล จอร์แดน มอเตอร์สปอร์ต” ซึ่งเป็นทีมกีฬารถมอเตอร์ไซต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกด้วย และนั่นทำให้ไมเคิล จอร์แดนมีรายรับที่มหาศาลมาก ซึ่งจอร์แดนเคยเล่าให้ฟังถึงเดวิด ฟอล์กว่า “เค้ามีความคิดที่ยอดเยี่ยมมากๆ เค้าสามารถจัดการทุกอย่างได้แบบเหนือชั้นจริงๆ เหมือนเดวิดเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังของผม และอ่านใจผมได้ล่วงหน้าตลอดจริงๆ”
ฟอล์กนั้นเป็นส่วนสำคัญในทุกๆการตัดสินใจของไมเคิล จอร์แดน ทั้งในเรื่องส่วนตัวและในเรื่องธุรกิจอีกด้วย การเจรจาและแนวคิดของเดวิด ฟอล์กนั้นเรียกได้ว่าเป็นเบอร์ต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ เค้ายังถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการกีฬาโลกอีกด้วย เพราะเค้าคือเอเย่นต์ที่มีฝีปากการเจรจา และความคิดที่อ่านใจคนได้ ถึงกับทำให้เควิน แมคเฮล ที่เคยเป็นผู้จัดการทีมมินเนโซต้า ทิมเบอร์วูฟถึงกับบอกว่า “หากมีระเบิดนิวเคลียร์ลงมาที่โลกเรา จะมี 3 สิ่งที่จะคงอยู่นั่นก็คือ เชื้อโรค, แมลงสาป และเดวิด ฟอล์ก”
You must be logged in to post a comment Login