Connect with us

News

“หงส์แดง”ลิเวอร์พูล โกงความตาย ไล่ตีเสมอ”จิ้งจอกสยาม”เลสเตอร์ 3-3 ต้องสู้กันถึงฎีกา ก่อนจะดวลจุดโทษชนะไปแบบสุดมันส์

Published

on

ทีม”หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ส่งผู้เล่นดาวรุ่ง ลงสนามพรึ่บ ครึ่งแรกโดนนำห่างถึง 1-3 ก่อนที่ครึ่งหลัง
จะเปลี่ยนตัว เอารุ่นใหญ่มาพลิกเกมส์ เป็นมินามิโนะยิงประตูตีเสมอในนาทีสุดท้าย ต้องไปตัดสินหาผู้ชนะ
จากการดวลจุดโทษ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เชฟไป 2 จุดโทษ มินามิโนะยิงพลาด ก่อนที่ดิโอโก้ โฌต้า
จะสังหารลูกโทษตัดสินช่วยให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอกับทีม”ไอ้ปืนใหญ่”ต้นปีหน้า

ศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 22 ธันวาคม 2564
เวลา 02:45 โดยประมาณ ตามเวลาประเทศไทย มีทีมที่ลงเตะในรอบนี้พร้อมกัน 3 คู่ โดยอีก 2 คู่
ทีมเบรนท์ฟอร์ดเปิดบ้านลงเตะกับเชลซี ส่วนท็อตแน่ม อ็อทสเปอร์เปิดบ้านพบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด
และอีกคู่ที่สนามแอนด์ฟิล ทีม”หงส์แดง”ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่น เปิดบ้านรับการมาเยือนของ”จิ้งจอกสยาม”
เลสเตอร์ ซิตี้ โดยการคุมทีมของเบรนด์แดน ร็อดเจอร์ อดีตกุนซือของทีม”หงส์แดง”ลิเวอร์พูล

โดยเกมส์ในนัดนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมหงส์แดง ส่งดาวรุ่งลงสนามกันหลายตำแหน่ง
มีควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูมือสองยืนเฝ้าเสา โจ โกเมซและบิลลี่ “เดอะคิด” คูเมติโอ ดาวรุ่ง
ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์แบ็ค แบ็คซ้ายเป็นคอสตาส สิมิคาส แบ็คขวาเป็นคอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ในแดนกลางมี
ไทเลอร์ มอร์ตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สันกัปตันทีม และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ส่วนในแดนหน้า
ปีกซ้ายทาคุมิ มินามิโนะ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ขยับขึ้นมาเล่นปีกขวา โดยในแดนหน้า
ให้โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

ในขณะที่ทีม”จิ้งจอกสยาม”จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม มีแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยืนเฝ้าเสา แนวรับมี
ชัคลาร์ โซยุนชู ริคาร์โด้ เปเรยร่าและวิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ส่วนในแดนกลางมีลุค โธมัส ยูริ ตีเลมันส์
บูบาการี่ ซูมาเร่ และเคียร์แนน ดูวส์บิวรี่-ฮอลล์ ในแดนหน้าจัดหนักล้วนแต่ตัวอันตรายมีทั้งเจมส์ แมดดิสัน
แพตสัน ดาก้า และเจมี่ วาร์ดี้ ดาวยิงของทีม ลงประจำการครบครัน  

เริ่มเกมส์ในครึ่งแรก เจ้าถิ่นครองบอลทำเกมส์บุกตามถนัด แต่บอลมักสะดุดในแดนกลาง ถูกทีมเยือน
ตัดบอลสวนกลับบ่อยครั้ง เล่นกันไปได้แค่ 9 นาที ทีมจิ้งจอกสยาม ก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่
เจมส์ แมดดิสัน จ่ายบอลแทงทะลุช่องแนวรับของเจ้าถิ่น ไปให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งตามมาหวดเต็มข้อ
ส่งบอลผ่านมือควีวิน เคลเลเฮอร์เข้าประตูที่เสาไกลไป เลสเตอร์ออกขึ้นนำลิเวอร์พูล 0-1 ในนาทีที่ 9

อีก 4 นาทีถัดมา กองเชียร์เจ้าถิ่นถึงกับเงียบกันทั้งสนาม เมื่อทีมเยือนมาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 13
จากจังหวะที่แพตสัน ดาก้า วิ่งตามมาเก็บบอลที่หน้าประตูเจ้าถิ่นก่อนจะจ่ายบอลขวางมาให้ วาร์ดี้
ในกรอบเขตโทษเจมี่ วาร์ดี้ จิ้มบอลด้วยเท้าขวา เสียบมุมเสาเข้าประตูไป เป็นประตูที่สองของวาร์ดี้

อีก 6 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูลจะมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะทำเกมส์บุกเข้าไปในแดนทีมเยือนโรเบอร์โต้ เฟอร์มีโน่ จับบอลได้ในกรอบ 6 หลาก่อนจะจ่ายคืนหลังมาให้อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หวดเต็มข้อ
บอลพุ่งเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลไล่ตามมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 19
ในระหว่างนั้น ทีมเจ้าถิ่นพลาดเกือบเสียประตูเพิ่มอีกหลายหน แต่ยังป้องกันไวได้หมด
เกมส์ดำเนินมาถึงในนาทีที่ 33 เจมส์ แมดดิสัน ได้บอลแถวนอกกรอบเขตโทษของเจ้าถิ่น จึงตั้งป้อมยิง
เต็มข้อ บอลพุ่งลอยโด่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทีมเยือนออกนำห่าง 1-3 ก่อนที่จะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้

เริ่มเกมส์ในครึ่งหลัง เยอร์เก้น คล็อปป์ ปรับทีมทันที เปลี่ยนเอาผู้เล่นตัวเก๋าลงมาพลิกเกมส์ โดยส่งเจมส์ มิลเนอร์ลงมาเล่นแทนไทเลอร์ มอร์ตัน ส่งกองหน้าอย่างดีโอโก้ โฌต้า ลงมาเล่นแทนคอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ส่วนแนวรับ
ส่งอิบราฮิมา โคนาเต้ลงมาเล่นเซ็นเตอร์แทนบิลลี่ “เดอะคิด” คูเมติโอ
นาทีที่ 51 คีแรน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ได้โอกาสหลุดเดี่ยวมาทางซ้าย ก่อนจะหวดเต็มข้อแต่เคลเลเฮอร์
ปัดบอลทิ้งด้วยปลายมือไปได้ ในนาทีที่ 59 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกอีกคน
โดยส่งนาบี้ เกต้า ลงมาเล่นแทนในแดนกลาง เมื่อปรับทีม เกมส์ของเจ้าถิ่นก็เริ่มดีขึ้น ไม่เสียบอลง่าย
ตัดบอลทำเกมส์บุกสวนกลับได้มากขึ้น โดยทีมเยือนก็ลงมาตั้งรับกันอย่างเหนียวแน่น

รอจนถึงนาทีที่ 68 แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮลั่นสนาม เมื่อทีมหงส์แดง ทำเกมส์บุกเข้าไปในแดนทีมเยือน
โรเบอร์โต้ เฟอร์มีโน่กระดกบอลส่งไปให้ทาคุมิ มินามิโนะ ในกรอบเขตโทษ มินามิโนะ ตวัดส่งบอลต่อไปให้
ดิโอโก้ โฌต้า รับบอลมาแล้วกดด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลพุ่งเสียบมุมเข้าประตูที่เสาไกลไป ไล่มาตามมาเป็น 2-3
เจ้าถิ่นยังเดินเกมส์บุกอย่างต่อเนื่อง หวังประตูตีเสมอ นาทีที่ 82 นาบี เกต้า จับบอลได้ทางขวา
นอกกรอบเขตโทษ ก่อนจะง้างท้าวยิง บอลพุงเข้ากรอบ โฌต้า โหม่งบอลเปลี่ยนทางบอลกำลังจะพุ่ง
เข้าประตู แต่แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล บินมาปัดบอลออกไปได้ทัน

เกมส์ดำเนินมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าถิ่นยังตามหลังอยู่ 2-3 กำลังจะพ่ายคาบ้าน แต่ในนาทีที่ 90+5
เจมส์ มิลเนอร์ได้บอลทางขวา แล้วเปิดบอลลอยโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ หน้าประตูทีมเยือน
มินามิโนะพักบอลลงฟื้นด้วยหน้าอก ก่อนจะหวดด้วยเท้าขวา ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายท่ามกลางเสียงเฮ
ลั่นสนามของแฟนบอลเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ไล่ตามมาตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนจะหมดเวลาการแข่งขัน
ด้วยการเสมอกัน 3-3 ต้องมาตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลลูกจุดโทษ

เมื่อดวลจุดโทษครบ 5 คนแรก ทั้งลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิตี้ ยิงเข้ากันไปคนละ 4 ลูก
โดยมินามิโนะ ของลิเวอร์พูลยิงออกในลูกที่ 5 ส่วนเลสเตอร์คนที่ 4 โดยลุค โธมัส ถูกควีวิน เคลเลเฮอร์
เซฟลูกยิงเอาไว้ได้ทำให้ยังเสมอกันที่ 4-4 จนต้องยิงกันต่อในช่วงซัดเด้นท์
คนที่ 6 ของเลสเตอร์เป็นไรอัน เบอร์ทรานด์ ยิงไปแล้วควีวิน เคลเลเฮอร์ ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง
ก่อนที่คนยิงคนที่ 6 ของลิเวอร์พูลดิโอโก้ โฌต้า จะมาสังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเยือกเย็น
เป็นประตูตัดสิน ช่วยให้ลิเวอร์พูล ชนะการดวลจุดโทษไปได้ด้วยสกอร์ 5-4
ผ่านเข้าไปพบกับทีม”ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งจะลงเตะกันในวันที่ 4-5 มกราคม 2565

ภาพจาก
Leicester City (@LCFC) / Twitter
Liverpool FC (@LFC) / Twitter
Leicester City Football Club | Facebook
Liverpool FC | Facebook

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: