หลังจากเอาชนะทีมชาติฝรั่งเศสในนัดชิงชนะเลิศ ในการดวลจุดโทษ ด้วยประตูรวม 5-3 หลังจากเล่นกันไป 120 นาทีแล้วเสมอกัน 1-1 ซีเนอดีน ซีดาน จอมทัพตราไก่ โดนไล่ออกในช่วงต่อเวลา
ศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี
ปี 2006 ฟุตบอลโลก ได้เวียนกลับมาทำการแข่งขันกันในทวีปยุโรปอีกครั้ง
หลังจากในปี 2002 ฟีฟ่าได้เลือกที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เอเชีย
โดยเจ้าภาพร่วม 2 ชาติ ได้แก่ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
โดยในปี 2006 นี้ เยอรมนี รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
โดยใช้สนามในการจัดการแข่งขันทั้งสิ้น 12 สนาม
ใน 12 เมืองของเยอรมนี
มีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน 32 ทีม แบ่งเป็น
ทวีปแอฟริกา (ซีเอเอฟ)
- แองโกลา [31] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
- ไอวอรี่ โคสต์ (โกตดิวัวร์) [27] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
- กานา [30] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
- โตโก [32] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
- ตูนิเซีย [22]
ทวีปเอเชีย (เอเอฟซี)
- อิหร่าน [21]
- ญี่ปุ่น [12]
- เกาหลีใต้ [11]
- ซาอุดีอาระเบีย [19]
ทวีปอเมริกาใต้ (คอนเมบอล)
- อาร์เจนตินา [8]
- บราซิล [1] (แชมป์ฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2002)
- เอกวาดอร์ [23]
- ปารากวัย [15]
ทวีปโอเชียเนีย
ทวีปยุโรป (ยูฟ่า)
- โครเอเชีย [14]
- เช็กเกีย [16]
- อังกฤษ [2]
- ฝรั่งเศส [7]
- เยอรมนี [4] (เจ้าภาพ)
- อิตาลี [9]
- เนเธอร์แลนด์ [3]
- โปแลนด์ [20]
- โปรตุเกส [17]
- เซอร์เบียและมอนเตเนโกร [24]
- สเปน [5]
- สวิตเซอร์แลนด์ [25]
- สวีเดน [13]
- ยูเครน [26] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
ทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน (คอนคาแคฟ)
- คอสตาริกา [18]
- เม็กซิโก [6]
- ตรินิแดดและโตเบโก [29] (เข้ารอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก)
- สหรัฐ [10]
นัดชิงชนะเลิศ ณ โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในเมืองเบอร์ลิน
อิตาลี แชมป์โลก 3 สมัย ลงเตะเกมส์นี้ โดยที่ยังไม่มี อเลสซานโดร เนสต้า กองหลังคนสำคัญ เนื่องจากยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ส่วนนักเตะหลัก ยังเป็นชุดเดิมทั้งหมด ชุดเดียวกับในรอบรองชนะเลิศที่เอาชนะ เยอรมนี มาได้
ส่วนทีมตราไก่ ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ในปี 1998 ใช้นักเตะชุดนี้ถือเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันเข้าให้แล้ว
เกมส์เริ่มมาได้แค่นาทีเดียว เธียร์รี่ อองรี กองหน้าของ ฝรั่งเศส ก็ลงไปกองกับพื้นหลังชนกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ แต่ยังเล่นต่อไปไหว จากนั้นนาทีที่ 5 จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า ได้ใบเหลืองแรกของเกมส์ จากการพุ่งไปเสียบสกัดบอลใส่ ปาทริก วิเอร่า
ในนาทีที่ 7 ฟลอร็องต์ มาลูด้า หลุดเข้าไปในเขตโทษแต่ว่าถูก มาร์โก มาเตรัซซี่ วิ่งเข้ามาสะกิดจากทางด้านหลังล้มลง กรรมการไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันที ซีเนอดีน ซีดาน รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ก่อนที่ ซีดานจะยิงแบบเหนือชั้น ชิปบอลชนคานก่อนเด้งข้ามเส้นเข้าประตูไป ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 11 วิลลี่ ซาญอล รับใบเหลืองไปเป็นคนที่สองของเกมส์ นี้เมื่อพุ่งเข้าไปอัดใส่ ฟาบิโอ กรอสโซ่ แบบไม่ยั้ง อิตาลี ยังเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องนาทีที่ 19 อันเดรีย ปิร์โล่ เปิดลูกเตะมุมด้านขวาให้ มาร์โก มาเตรัซซี่ อาศัยความสูงใหญ่ กระโดดโหม่งเข้าประตูไป อิตาลี ตีเสมอเป็น 1-1
ฝรั่งเศส ดูจะมีปัญหากับลูกเตะมุมเมื่อนาทีที่ 28 ปล่อยให้ มาเตรัซซี่ ได้โหม่งอีกครั้งดีที่ติดกองหลัง แต่ถัดมาอีก 7 นาที ปิร์โล่ คนเดิมเปิดเตะมุมด้านขวาให้กับ ลูก้า โทนี่ โหม่งแต่ว่าชนคานเต็มๆ
จบเกมส์ครึ่งแรก 45 นาที อิตาลี เสมอกับ ฝรั่งเศส 1-1
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งหลัง ช่วง 10 นาทีแรก เกมส์ของครึ่งหลังเป็น ฝรั่งเศส ที่เล่นได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีโอกาสหลุดเข้าไปลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ
นาทีที่ 57 ปาทริก วิเอร่า โชคร้ายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต้องเปลี่ยนตัวออกและส่ง อาลู ดิยาร์ร่า ลงมาเล่นแทน
อิตาลี ตัดสินใจเปลี่ยนตัวในนาที 60 หลังเกมส์สู้ไม่ได้ โดยส่ง วินเซนโซ่ ยาควินต้า และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ลงมาแทน ฟรานเชสโก้ ต็อตติ และ ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า ที่เล่นไม่ออก แต่เกมส์รับของ อิตาลี ยังมีช่องโหว่
นาทีที่ 63 อองรี หลุดไปดวลตัวต่อตัวกับ คันนาวาโร่ ก่อนเบี่ยงตัวยิงแต่ว่า บุฟฟ่อน เซฟลูกยิงเอาไว้ได้
อิตาลี ตกเป็นรองโดยตลอด แต่ว่าเกมส์รับยังเหนียวแน่น ในนาทีที่ 86 ก็มีการเปลี่ยนตัวโดยส่ง
อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่ ลงมาแทน เมาโร คาโมราเนซี่ ท้ายเกมส์ ฝรั่งเศส ยังบุกหนัก
แต่ครบ 90 นาทียังเสมอกับ อิตาลี 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป 30 นาที
ฝรั่งเศส มีลุ้นประตูขึ้นนำในนาทีที่ 99 เมื่อ ริเบรี่ หลุดขึ้นมาทำชิ่งหนึ่งสองก่อนยิงเรียดเล่นทางผ่านมือ บุฟฟ่อน ไปแล้วแต่บอลไม่ตรงกรอบ จากนั้นแฟนๆ ตราไก่ เฮลั่นเมื่อมีการเปลี่ยนตัวส่ง ดาวิด เทรเซเก้ต์ ลงมาแทน ริเบรี่ นาทีที่ 104 ฝรั่งเศส มีลุ้นจากการขึ้นโหม่งคนเดียวของซีดาน แต่ว่า บุฟฟ่อน ปัดออกไปได้
นาทีที่ 106 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวส่ง ซิลแวง วิลตอร์ ลงไปแทน อองรี เกมส์ดำเนินมาถึงนาทีที่ 110 ซีดาน คุมอารมณ์ไม่อยู่ไปเอาหัวชนใส่หน้าอก มาเตรัซซี่ ลงไปนอนกอง กรรมการควักใบแดงไล่ออกจากสนามไป
ตราไก่ เหลือ 10 คน แต่ครบ 120 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
ปรากฏว่า อิตาลี ทำได้ดีกว่า ยิงเข้า 5 คนทั้ง อันเดรีย ปิร์โล่, มาเตรัซซี่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เดล ปิเอโร่ และ ฟาบิโอ กรอสโซ่ ส่วน ฝรั่งเศส เข้าแค่ 3 คนคือ ซิลแวง วิลเตอร์, เอริค อบิดัล และ วิลลี่ ซาญอล ส่วนคนที่พลาดคือ ดาวิด เทรเซเกต์
ทำให้ อิตาลี ชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 5-3 หลัง 120 นาทีเสมอกัน 1-1 คว้าแชมป์โลก 2006 ไปครอง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อิตาลี – จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน, จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, มาร์โก มาเตรัซซี่, ฟาบิโอ กรอสโซ่, อันเดรีย ปิร์โล่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า, เมาโร คาโมราเนซี่, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, ลูก้า โทนี่
ฝรั่งเศส – ฟาเบียง บาร์กเตซ, เอริค อบิดัล, วิลลี่ ซาญอล, ลิลิยอง ตูราม, วิลเลียม กัลล่าส์, ปาทริก วิเอร่า, โคล้ด มาเกเลเล่, ฟรองค์ ริเบรี่, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซีเนอดีน ซีดาน, เธียร์รี่ อองรี
You must be logged in to post a comment Login