มีโรคระบาดเคยเกิดขึ้นมาเเล้วนับครั้งไม่ถ้วนในโลกมีหลายโรคที่ได้หายไปจากโลกแล้ว แต่กว่าจะหายเขาใช้เวลากันกี่ปี?
โควิด-19 ที่ตอนนี้กำลังทำให้ทั้งโลกกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดมากที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดสิ้นสุดเมื่อไหร่ซึ่งจริงๆแล้วมีโรคระบาดเคยเกิดขึ้นมาเเล้วนับครั้งไม่ถ้วนในโลกมีหลายโรคที่ได้หายไปจากโลกแล้วแต่กว่าจะหายเขาใช้เวลากันกี่ปี? วันนี้โตโจ้นิวส์ เรามีข้อมูลมาฝาก
The Great Plague of London หรือการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน ( ระยะเวลาของโรคระบาด 317 ปี ) ในช่วงปีค.ศ. 1348-1665 ยุติการระบาดด้วยวิธีการปิดตายผู้ป่วย
ผู้คนที่อยู่อาศัยในกรุงลอนดอนต้องเผชิญกับกาฬโรคจากเชื้อแบคทีเรียเยอร์ซิเนียเพสติสทุกประมาณ 20 ปี ตลอดช่วงเวลา 300 ปีนั้น ซึ่งการแพร่ระบาดในแต่ละครั้ง คร่าชีวิตผู้คนในเมืองไปราว 20% จนช่วงต้นศตวรรษที่ 15 ประเทศอังกฤษออกกฎหมายให้แยกตัวผู้ป่วย บ้านไหนที่มีผู้ป่วยจะต้องนำมัดฟางมาแขวนที่เสาสีขาวหน้าบ้าน
ครั้งสุดท้ายที่เกิดโรคขึ้นคือในปี ค.ศ. 1665 ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน กาฬมรณะคร่าชีวิตชาวลอนดอนกว่า 100,000 คน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรในสมัยนั้นที่มีอยู่ราว 480,000 คน เหตุการณ์การระบาดครั้งนั้นรุนแรงและรวดเร็วจนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ต้องย้ายจากลอนดอนไปประทับยังออกซฟอร์ด ประชาชนที่มีกำลังทรัพย์ต่างพากันโยกย้ายออกจากกรุงลอนดอน เหลือเพียงคนจนที่ยังต้องอยู่ในลอนดอนเพราะไม่มีทางเลือก
จุดจบของโรคระบาดในครั้งนั้นค่อนข้างรุนแรงคือ เมื่อมีการพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะถูกขังอยู่ในบ้านพร้อมกับคนในครอบครัว โดยบ้านที่ถูกปิดตายจะมีการแขวนกางเขนสีแดงที่หน้าประตูสลักคำว่า “Lord have mercy on us.” มีความหมายว่า พระเจ้าทรงเมตตาพวกเรา โดยในตอนกลางคืนจะมีการขนศพออกมาจากบ้าน และนำไปรวมกันใน “หลุมเชื้อโรค” (plague pits) จนสามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้
ไข้ทรพิษ (Smallpox) หรือโรคฝีดาษ ( ระยะเวลาของโรคระบาด 500 ปี ) เริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1401 และสิ้นสุดอย่างเป็นการจากองค์การอนามัยโลกในเดือนพฤษภาคมปีค.ศ. 1980 โดยสามารถสร้างวัคซีนได้ถือเป็นโรคติดต่อในมนุษย์ชนิดเดียวที่ถูกกำจัดไปจากธรรมชาติอย่างสมบูรณ์
ไข้ทรพิษ (Smallpox) หรือโรคฝีดาษ เกิดจากเชื้อไวรัสวาริโอลา (Variola Virus หรือ VARV) เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 15 เมื่อคนจากยุโรปเดินทางไปยังอเมริกาได้นำโรคฝีดาษไปแพร่ระบาดแก่คนพื้นเมืองอินเดียนแดงที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ทำให้ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ก่อนจะแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคของการเดินทางสำรวจโลกและล่าอาณานิคมตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาด
ไข้ทรพิษคร่าชีวิตชนพื้นเมืองอเมริกันมากถึง 90-95% ส่วนในยุโรป ช่วงศตวรรษที่ มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึงปีละกว่า 400,000 ราย หากรวมตลอดเวลาหลายร้อยปีของการแพร่ระบาด ไข้ทรพิษคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปไม่น้อยกว่า 56 ล้านคน
จนช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner) นายแพทย์ชาวอังกฤษสังเกตว่า หญิงรีดนมวัวที่ติดเชื้อไวรัสที่ร้ายแรงน้อยกว่าที่มีชื่อเรียกว่าฝีดาษวัว (Cowpox) ไม่เคยป่วยเป็นไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษเลยสักครั้งเขาจึงได้ศึกษาและทดลอง
โดยการนำหนองจากแผลของผู้ป่วยฝีดาษวัวใส่เข้าไปใต้ผิวหนังของเด็กชายอายุ 9 ขวบ แล้วจึงนำเชื้อไข้ทรพิษเข้าสู่ร่างกายของเด็กชายคนนี้ ปรากฏว่าเด็กชายไม่มีอาการล้มป่วยด้วยโรคร้าย เป็นข้อพิสูจน์ว่าเชื้อฝีดาษวัวช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กชาย
ซึ่งต่อมาผลการทดลองนี้ได้รับการเผยแพร่สู่วงวิชาการแพทย์ และมีการเรียกวิธีสร้างภูมิคุ้มกันนี้ว่า “วัคซีน” (vaccine) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า “vacca” ที่แปลว่าวัวปัจจุบัน ไข้ทรพิษเป็นโรคติดต่อในมนุษย์ชนิดเดียวที่ถูกกำจัดไปจากธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากองค์การอนามัยโลกในเดือนพฤษภาคมปี 1980
ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish flu) ( ระยะเวลาของโรคระบาด 2 ปี) โดยระบาดเมื่อปีพ.ศ. 2461 สิ้นสุดในพ.ศ. 2462 ด้วยการเว้นระยะห่างทางสังคม
ถือเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไข้หวัดใหญ่สเปน เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะทำให้มีผู้ติดเชื้อราว 1 ใน 3 ของประชากรโลกในยุคนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 20-50 ล้านคน ในจำนวนผู้ป่วย 500 ล้านคนที่ติดเชื้อในปี 2461 มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 10-20% และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 25 ล้านคนเฉพาะในช่วง 25 สัปดาห์แรก
ไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้พบครั้งแรกในยุโรป สหรัฐอเมริกา และบางพื้นที่ในทวีปเอเชีย ก่อนจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกในเวลาไม่กี่เดือน แต่เหตุที่เรียกไข้หวัดสเปน เพราะสเปนเป็นประเทศแรกที่ประกาศการแพร่ระบาด เนื่องจากเป็นประเทศที่วางตัวเป็นกลาง ไม่ได้เข้าร่วมในสงคราม หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง มาจากบรรดาทหารที่ติดเชื้อไวรัสและเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อราว 500 ล้านคนทั่วโลก คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรโลกในสมัยนั้น
ในสมัยนั้นยังไม่มียาหรือวัคซีนที่รักษาไข้หวัดใหญ่ได้ ในสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ในบางพื้นที่กำหนดให้ประชาชนกักตัวอยู่ในบ้าน สั่งประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย ปิดสถานที่ชุมชน ทั้งโรงเรียน โบสถ์ และโรงภาพยนตร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกรวม ๆ ว่า การเว้นระยะห่างทางสังคม และเป็นปัจจัยสำคัญให้ตัวเลขการแพร่ระบาดลดลงมาอย่างมหาศาล ผู้ที่ติดเชื้อ หากไม่เสียชีวิต ก็สามารถพัฒนาภูมิต้านทานได้ จนทำให้การแพร่ระบาดสิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2462
ความน่าสนใจของ 3 โรคระบาดที่ผ่านมาของโลกคือวิธีการป้องกันโดยเฉพาะไข้หวัดสเปนที่หายไปด้วยการเว้นระยะห่างของสังคมที่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังใช้ป้องกันโควิด-19 ขณะนี้ตลอดจนการคิดค้นวัคซีนที่ทั่วโลกคาดหวังว่าจะสามารถยุติการแพร่ระบาดของโรคให้ได้เร็วที่สุด
ข้อมูลจาก
https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/tips-for-you/300-years-pandemics.html
https://www.prachachat.net/d-life/news-462606
You must be logged in to post a comment Login