20 มิถุนายน 2520 : ในหลวง ร.9 ทรงเริ่มแปลหนังสือ “นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” เป็นวันแรก

“นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ” เป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงแปลและทรงเรียบเรียงมาจากหนังสือภาษาอังกฤษ เรื่อง “A man called intrepid” ของ Sir william Samuel Stephenson โดยใช้เวลาส่วนพระองค์วันละเล็กละน้อยเป็นเวลาเกือบ 3 ปี โดยทรงแปลหน้าแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2520

 A Man Called Intrepid เขียนโดย วิลเลียม สตีเวนสัน (William Henry Stevenson) เป็นหนังสือที่เขียนมาจากชีวิตจริงของ INTREPID ซึ่งเป็นรหัสของเซอร์วิลเลียม สตีเฟนสัน (Sir William Samuel Stephenson) หัวหน้าหน่วยราชการลับอาสาสมัครของอังกฤษ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ที่มีบทบาทในการต่อต้านแผนการแผ่อำนาจของฮิตเลอร์ โดยการจัดตั้งหน่วยงานลับขึ้นจนประสบความสำเร็จ ซึ่งผลงานของเขาและเพื่อนร่วมทีมนั้นมีคุณค่าต่อโลกเป็นอย่างมาก หนังสือเล่มนี้จึงเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ จนกลายเป็นหนังสือที่ขายดีที่สุด มียอดจำหน่ายมากกว่า 2 ล้านเล่ม

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงใช้เวลาส่วนพระองค์และความวิริยะเพื่อถ่ายทอดวรรณกรรมต่างประเทศชิ้นนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานที่มีความซับซ้อนในด้านเนื้อหาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องราวอิงกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงใช้เวลาในการแปล ซึ่งเริ่มแปลตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2520 จนจบถึงหน้าสุดท้ายในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2523 เป็นการแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้านภาษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำให้สิ่งที่ยากต่อการเข้าใจกลายเป็นเรื่องง่าย 

 นายอินทร์ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงตั้งขึ้น โดยมาจากคำว่า Intrepid ที่แปลว่า ผู้กล้าหาญ แต่พระองค์ไม่แปลอย่างตรงตัว และทรงเลือกที่จะแปลตามความเข้าใจ โดยอิงคำภาษาอังกฤษเดิมที่สะกด “INTRE-PID” ซึ่งพยางค์แรกอ่านออกเสียงคล้ายกับคำว่า อินทร์ และพยางค์หลังคล้ายกับคำว่าปิดในภาษาไทย จึงกลายเป็นคำว่า “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” สายลับที่ต้องทำงานโดยปิดเป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้วีรกรรมทั้งหมดและไม่ต้องการคำสรรเสริญใดใด “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” จึงเป็นหนังสือที่แสดงให้เห็นถึงพระวิริยะอุตสาหะและพระอัจฉริยะภาพในการถ่ายทอดต้นฉบับจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้อ่านกัน