เปลี่ยนอดีตไปกับ 5 หนังท่องเวลาสุดเจ๋ง!!!

ในโลกที่เราอยู่นั้น เวลาเดินไปข้างหน้าเสมอ คุณคงมีหลายเรื่องในชีวิตที่รู้สึกอยากย้อนกลับไปแก้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ต่างจากโลกของภาพยนตร์ที่อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ วันนี้ TOJO News ขอนำเสนอ 5 ภาพยนตร์เกี่ยวกับการท่องเวลา ที่จะทำให้คุณสนุก ตื่นเต้น และลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว จะมีเรื่องอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยยย

Source Code

ภาพยนตร์แนวทริลเลอร์สุดตื่นเต้นเรื่องนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ นายทหารชื่อว่า โคลเตอร์ สตีเว่นส์ ที่ตื่นขึ้นมาในร่างของชายคนหนึ่งในรถไฟที่เขาเองก็ไม่รู้จัก พร้อมภารกิจในการหามือระเบิดของรถไฟสายนี้ เขาค้นพบว่าตัวเองทำงานอยู่ใต้องค์กรชื่อ ซอสโคด และร่างของเขาได้ถูกส่งเข้าไปในร่างกายของชายคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อของเหตุการณ์วางระเบิดรถไฟครั้งนั้น โดย 8 นาทีสุดท้ายในชีวิตของชายผู้นั้น คือช่วงเวลาที่เขาต้องตามหามือระเบิด หากไม่สำเร็จ ตัวเขาก็จะถูกส่งกลับไปอีกครั้ง วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอ งานนี้โคลเตอร์จะหาตัวคนบงการเหตุการณ์สุดสยองครั้งนี้ได้หรือไม่ต้องไปดูครับ

Source code เป็นภาพยนตร์ที่สนุกมากเรื่องนึงเลย เนื่องจากความยาวของเรื่องนั้นค่อนข้างสั้น เพียงแค่ชั่วโมงครึ่ง ทำให้ตัวภาพยนตร์ค่อนข้างกระชับและไม่มีช่วงเอื่อย เนื้อเรื่องทำออกมาได้น่าติดตามสุดๆ การที่ตัวละครเอกมีเวลาเพียง 8 นาทีต่อครั้งในการตามหาผู้ร้าย ทำให้เหมือนต้องแข่งกับเวลาตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งฉลาดมากเพราะมันทำให้คนดูได้ลุ้นตลอด ประเด็นความผูกพันระหว่างตัวละครหลักกับผู้หญิงบนรถไฟก็ทำออกมาได้น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังทำให้คนดูสงสัยว่า ทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ใครไม่เคยดู แนะนำเลยครับ สนุกจริงอะไรจริง

กำกับโดย Duncan Jones
นำแสดงโดย Jake Gyllenhaal, Michelle Monaghan, Vera Farmiga, Jeffrey Wright
เข้าฉายในปี 2011

ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากที่พระเอกรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง, ฉากจบที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์

Looper

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคุณถูกตามล่าโดยตัวคุณเอง Looper เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ โจ นักฆ่าที่ทำงานให้กับพวกมาเฟียจากอนาคต หน้าที่ของเขาคือสังหารคนที่ส่งตัวข้ามเวลากลับมา แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเขาค้นพบว่าเป้าหมายที่ถูกส่งมาในครั้งนี้คือตัวเขาเองในอนาคต ที่เหลือไม่สปอยล์ครับ ต้องดูเองถึงจะมันส์

ไอเดียเจ๋งมากครับสำหรับเรื่องนี้ สนุกมากด้วย นอกจากฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้มันส์ถึงใจแล้ว เนื่อเรื่องยังน่าติดตามและคาดเดาได้ยากอีกด้วย ด้านนักแสดงเรียกได้ว่าสุดยอดทุกคนเลยทีเดียว ตั้งแต่ โจเซฟ กอร์ดอน ลีวิท ในบทโจตอนหนุ่ม ที่มีทั้งความคึกแบบวัยรุ่น แต่ขณะเดียวกันก็มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาและแฝงความอ่อนโยนอยู่ภายใน ในขณะที่บลูซ วิลลิส ในบทโจตอนแก่ก็แสดงได้อย่างเก๋าและเท่สมกับเป็นดาราแอ็คชั่นระดับพระกาฬจริงๆ ส่วนเอมิลี่ บรั้นท์ ในบทนางเอกก็มีโอกาสได้แสดงอารมณ์อย่างเต็มที่ ใครอย่างดูหนังแอ็คชั่นไซไฟที่สนุกครบเครื่อง ห้ามพลาดครับ

กำกับโดย Rian Johnson
นำแสดงโดย Joseph Gordon-Levitt, Bruce Willis, Emily Blunt, Paul Dano, Jeff Daniels
เข้าฉายในปี 2012

ไฮไลต์ของเรื่อง: โจตอนแก่ปะทะโจตอนหนุ่ม, ฉากเปิดตัว เรนเมคเกอร์, การตัดสินใจของโจท้ายเรื่อง

Edge of Tomorrow

ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สุดมันส์ ที่สร้างจากการ์ตูนญี่ปุ่น Edge of Tomorrow เล่าเกี่ยวกับอนาคตที่โลกได้ถูกรุกรานโดยเอเลี่ยนต่างดาวที่เรียกว่า มีมิค มวลมนุษยชาติจึงได้ผนึกกำลังทหารขึ้นเพื่อทำสงครามกับเหล่ากองทัพต่างดาวนี้ วันหนึ่ง เคจ เจ้าหน้าที่ผู้ไม่เคยผ่านการสู้รบและฝึกฝน ได้ถูกส่งไปรบอย่างไม่เต็มใจ แต่แล้วเมื่อได้ถูกปลิดชีพระหว่างการรบครั้งนั้น ทำให้เขาได้รับความสามารถในการย้อนวันเพิ่มได้เรื่อยๆเมื่อถูกฆ่า หารู้ไม่ว่าความสามารถพิเศษนี้ คือกุญแจสำคัญในการชนะสงครามนั่นเอง งานนี้เพจต้องตายแล้วตายอีก เพื่อหาทางยุติสงคราม พร้อมทั้งฝึกฝนการต่อสู้เพื่อจัดการกับเหล่าเอเลี่ยนให้จงได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไม่กี่เรื่อง ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนมังงะและนิยายของญี่ปุ่นแล้วประสบความสำเร็จ ทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าไม่น่าแปลกใจ เพราะตัวหนังนั้นทำออกมาได้อลังการ มันส์ และน่าติดตามมาก อีกทั้งยังแฝงอารมณ์ขันได้อย่างชาญฉลาด พัฒนาการของตัวละครก็ทำออกมาได้น่าเชื่อถือและเป็นธรรมชาติ การได้เห็นคนขี้ขลาดคนหนึ่งได้กลายมาเป็นนักรบสุดเก่งกาจผ่านประสบการณ์ในการตายและย้อนวันเดิมหลายๆรอบ เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย ด้านนักแสดงนำ ต้องบอกว่าเล่นดีทั้ง ทอม ครูซ และเอมิลี่ บรั้นท์ เลย โดยเฉพาะรายหลังที่เรื่องนี้โคตรเท่ ส่วนใครที่ต้องการดูฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะสู้กันทั้งเรื่อง แถมเหล่ามีมิคตัวร้ายยังพิษสงเยอะด้วย ได้ลุ้นจนแทบหยุดหายใจแน่นอน แนะนำครับเรื่องนี้

กำกับโดย Doug Liman
นำแสดงโดย Tom Cruise, Emily Blunt, Bill Paxton, Brendan Gleeson
เข้าฉายในปี 2014

ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากสนามรบครั้งแรกสุดตื่นเต้น, ฉากวิดพื้นสุดฮา, ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ที่ปารีสช่วงท้ายเรื่อง

Frequency

ภาพยนตร์ดราม่าระทึกขวัญชั้นดีเรื่องนี้ เล่าเกี่ยวกับ จอห์น ตำรวจคนหนึ่งที่สามารถติดต่อกับ แฟรงค์ พ่อของเขาเมื่อ 30 ปีก่อนได้ ผ่านทางเครื่องรับสัญญาณวิทยุระยะสั้นโดยบังเอิญ ในยุคปัจจุบันเขากำลังตามจับฆาตกรต่อเนื่องอยู่ พ่อของเขาได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้วระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยดับเพลิง จอห์น ตัดสินใจใช้วิทยุนี้เพื่อเตือนพ่อของเขาในอดีตทำให้อนาคตได้ถูกเปลี่ยน ปัญหามีอยู่ว่าอนาคตใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นดูจะน่ากลัวกว่าตอนแรกเสียอีก ผลของการแก้ไขอดีตทำให้เกิดเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด เรื่องจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพียงใด ลองหามาดูครับ

Frequency เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์คุณภาพที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่บอกเลยว่าถ้าได้ดูแล้วคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน ตัวหนังนั้นดำเนินเรื่องได้น่าติดตามและลื่นไหลมาก ความสัมพันธ์พ่อลูกของตัวละครหลักในเรื่องนี้ คือหัวใจหลักที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้พิเศษ และเชื่อว่าหลายคนต้องอินจนอาจมีน้ำตาตกแน่ๆ แต่ขณะเดียวกันภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังแฝงความเป็นหนังระทึกขวัญสืบสวนที่ตื่นเต้น และชวนสะพรึงพอสมควร แนะนำให้ลองหามาชมกันครับ หนังดีเลยทีเดียว

กำกับโดย Gregory Hoblit
นำแสดงโดย Dennis Quaid, Jim Caviezel, Andre Braugher, Noah Emmerich, Elizabeth Mitchell
เข้าฉายในปี 2000

ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากกู้ภัยของแฟรงค์, ฉากจบสุดกินใจ

Predestination

ภาพยนตร์ไซไฟสุดล้ำเรื่องนี้ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคต เมื่อเจ้าหน้าที่พิเศษคนหนึ่ง มีหน้าที่ในการเดินทางย้อนเวลาเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรมก่อนที่มันจะเกิดขึ้น โดยภารกิจสุดท้ายของเขาก็คือการเดินทางกลับไปหาตัวเองสมัยเด็ก เพื่อชักชวนให้เข้ามาทำงานเหมือนเขา รวมถึงการตามล่าหาอาชญากรข้ามเวลาปริศนาที่เขาไล่ตามจับมาตลอดชีวิต

ต้องบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเนื้อหาที่โคตรล้ำมากและไม่สามารถอธิบายได้ คุณต้องดูด้วยตัวเองถึงจะรู้ การดำเนินเรื่องต้องใช้ความสามารถในการตั้งใจดูพอสมควรถึงจะเข้าใจ แต่บอกเลยว่าไอเดียเจ๋งมาก รับรองไม่น่าเบื่อแน่นอน แต่เพื่อนๆที่คาดหวังจะได้เห็นฉากแอ็คชั่นประมาณ ระเบิดภูเขาเผากระท่อม อาจต้องปรับความเข้าใจหน่อย เพราะนี่คือภาพยนตร์ไซไฟวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง รับรองดูจบได้อ้าปากค้างแน่ครับ เป็นอีกตัวเลือกที่ควรดูซักครั้งครับผม

กำกับโดย The Spierig Brothers
นำแสดงโดย Ethan Hawke, Sarah Snook, Noah Taylor
เข้าฉายในปี 2014

ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากขมวดปมตอนจบที่คุณต้องครางฮือ!!!