Connect with us

Published

on

เปรียบกันหมัดต่อหมัด “โดนัลด์ ทรัมป์ VS โจ ไบเดน” เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน 2020

คนอเมริกันกันต้องการความชัดเจน ก่อนที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดี ของอเมริกาที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ 

ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ เจ้าของตำแหน่งเดิมจากพรรคริพับลิกัน และ 

โจ ไบเดน ตัวแทนผู้เป็นความหวังจาก พรรคเดโมแครต 

เรามาลองเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัดว่า 

นโยบายสำคัญของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองคนเป็นอย่างไร

ใครจะเด็ดกว่าใคร

การจัดการกับไวรัสโคโรน่า

ทรัมป์– คาดว่าจะสามารถจัดการควบคุมการระบาดไวรัสให้ได้ภายในเดือน มกราคม 2021 โดยเน้นเรื่องเปิดกว้าง ปลอดภัย สำหรับทุกคนในชาติ 

เพื่อให้รู้ว่าเอาจริง ทรัมป์ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อโครงการนี้โดยตรง 1 หมื่นล้านดอลล่าร์

ไบเดน– จัดตั้งโครงการติดตามผู้ติดเชื้อระดับชาติอย่างน้อย 10 แห่ง ในทุกรัฐ และจัดให้มีการทดสอบไวรัสฟรีให้กับทุกคน สนับสนุนให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย และมีป้ายแจ้งเตือนให้สวมหน้ากากตามหน่วยงานรัฐบาลกลางทุกแห่ง

การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

ทรัมป์– ไม่ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและก็าซ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับไปรณรงค์เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง 

นอกจากนี้ทรัมป์ตั้งใจจะถอนตัว อเมริกา ออกจากอนุสัญญาสหประชาชาติ ความตกลงปารีส ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายในสิ้นปีนี้

ไบเดน– ตั้งใจกลับเข้าร่วมเป็นส่วนนึงของ อนุสัญญาสหประชาชาติ ความตกลงปารีส ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถ้าหากได้รับเลือกตั้ง โดยตั้งใจจะทำให้ อเมริกา ให้มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นศูนย์ภายในปี 2050 รวมถึงคัดค้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในฟื้นที่สาธารณะ พร้อมทั้งผลักดันเงินทุนมากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสำหรับพัฒนาพลังงานสะอาด

เศรษฐกิจ

ทรัมป์– ให้คำมั่นสัญญาที่จะสร้างงาน 10 ล้านตำแหน่งใน 10 เดือน

และสร้างธุรกิจขนาดเล็กหน้าใหม่หนึ่งล้านราย 

ผลักดันเรื่องการลดหย่อนภาษีเงินได้และให้ลดหย่อนภาษีให้แก่บริษัทขนาดใหญ่

เพื่อจูงใจให้คงฐานการผลิตอยู่ในอเมริกา

ไบเดน– ต้องการขึ้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูงเพื่อนำไปลงทุนใช้จ่ายสำหรับการในบริการสาธารณะ โดยมาตราการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปีเท่านั้น

นอกจากนี้เค้ายังเขาสนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลกลางเป็น 15 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงจากอัตราปัจจุบันที่ 7.25 ดอลลาร์ 

นโยบายด้านสาธารณสุข

ทรัมป์– ต้องการยกเลิกนโยบาย รัฐบัญญัติการบริบาลที่เสียได้ the Affordable Care Act (ACA)ของประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งเพิ่มภาระให้รัฐบาลกลางเกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพส่วนตัวรวมถึงการปฏิเสธความคุ้มครองสำหรับผู้ที่มีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว โดยบอกว่าต้องการปรับปรุงนโยบาลและนำกลับมาใช้ใหม่โดยที่ไม่มีการเผยแพร่รายละเอียดของแผนการดำเนินการ

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าที่จะลดราคายาโดยอนุญาตให้นำเข้ายาราคาถูกจากต่างประเทศ

ไบเดน– อยากให้คงรัฐบัญญัติการบริบาลที่เสียได้ the Affordable Care Act (ACA) เอาไว้ พร้อมทั้งขยายขอบเขตการคุ้มครองออกไป

ไบเดนต้องการลดอายุของผู้มีสิทธิ์เข้ารับ Medicare ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้สิทธิประโยชน์ทางการแพทย์แก่ผู้สูงอายุโดยลงมาจาก 65 เป็น 60 นอกจากนี้เขายังต้องการให้ชาวอเมริกันทุกคนมีทางเลือกในการลงทะเบียนในแผนประกันสุขภาพสาธารณะที่คล้ายกับ Medicare

นโยบายต่างประเทศ

ทรัมป์– ย้ำคำสัญญาของเขาที่จะลดจำนวนกองกำลังของสหรัฐฯในต่างแดน

ในขณะที่จะยังคงลงทุนด้านการทหารต่อไปนอกจากนี้ยังได้กล่าวอีกว่าเขาจะยังคงแสวงหาความร่วมมือจากพันธมิตรนานาชาติและคงภาษีการค้ากับจีน

ไบเดน– สัญญาว่าจะปรับปรุงความสัมพันธ์กับพันธมิตรของสหรัฐฯ

โดยเขาจะเลิกมาตราการกำแพงภาษีกับจีนและยกระดับความสัมพันธ์กับจีนให้ทัดเทียมพันธมิตรอื่นในระดับสากล ซึ่งไบเดนกล่าวว่า เป็นวาระที่รอช้าไม่ได้

เชื้อชาติและกิจการตำรวจ

ทรัมป์– ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่เชื่อว่าการเหยียดสีผิวเป็นปัญหาเชิงระบบภายในสำหรับตำรวจสหรัฐฯอีกทั้งแสดงตัวว่าสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเต็มพิกัดแต่ต่อต้านการกักขัง และเสนอเงินช่วยเหลือเพื่อปรับปรุงแนวทางปฏิบัติงาน

ไบเดน– มองว่าการเหยียดสีผิวเป็นปัญหาเชิงระบบและได้กำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติในกระบวนการยุติธรรมเช่นการให้ทุนเพื่อจูงใจภาครัฐในการลดอัตราการจำคุก

เขาปฏิเสธแนวทางการรับตำรวจที่มีความผิดกลับเข้าประจำการ โดยกล่าวว่าการรับตำรวจใหม่มาทำงานจะช่วยยกระดับมาตราฐานการทำงานของตำรวจให้ดีขึ้น

อาวุธปืน

ทรัมป์– มีการตีความอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการคุ้มครองการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่สองของรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาซึ่งทำให้ชาวอเมริกันมีสิทธิในการถืออาวุธ

ได้ง่ายขึ้นในยุคของทรัมป์ นอกจากนี้แล้ว

ทรัมป์ยังเสนอให้มีการตรวจสอบภูมิหลังผู้ซื้อปืนให้รัดกุมขึ้นหลังจากมีการก่อเหตุยิงกันจำนวนมากในปี 2019 แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามแผนและไม่มีการออกกฎหมายใด ๆ เพิ่มเติม

ไบเดน– ได้เสนอให้ห้ามใช้อาวุธในการเข้าจับกุม การตรวจสอบภูมิหลังอย่างรอบด้าน จำกัดจำนวนปืนที่บุคคลสามารถซื้อได้หนึ่งกระบอกต่อเดือนและทำให้การฟ้องร้องผู้ผลิตและผู้ขายปืนที่ประมาทเลินเล่อทำได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้เขายังจะให้ทุนการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการป้องกันความรุนแรงของปืน

ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ

ทรัมป์– ทรัมป์กล่าวว่าเป็นสิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ ในการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐที่ว่างลง สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของวาระการดำรงตำแหน่งเทอมแรก และทรัมป์ได้เลือกผู้พิพากษาแนวทางอนุรักษ์นิยม เอมี่ โคนีย์ บาร์เร็ตต์ มาดำรงตำแหน่ง

ประเด็นหนึ่งที่คาดกันว่าศาลสูงของสหรัฐ จะสามารถตัดสินได้ในไม่ช้าคือสิทธิทางกฎหมายในการทำแท้งของผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์และว่าที่ผู้พิพากษาสูงสุดฯ เอมี่ โคนีย์ บาร์เร็ตต์ เคยคัดค้านในอดีต

ไบเดน– ต้องการให้รอจนกว่ามีการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จสิ้น แล้วค่อยสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ

ไบเดนกล่าวว่าหากได้รับเลือกเขาจะพยายามผ่านกฎหมายเพื่อรับประกันสิทธิในการทำแท้งของผู้หญิง หากศาลศาลสูงสุดของสหรัฐฯตัดสินให้มีผลบังคับใช้

คงได้เห็นภาพรวมนโยบายของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ละคนกันไปแล้ว มาติดตามกันต่อไปว่าโค้งสุดท้ายของเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกัน ในปลายปี 2020 นี้ จะดุเดือดเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน. 

เรียบเรียงโดย อมาณี๕๒๔๘ 

แหล่งข่าวอ้างอิง

https://www.bbc.com/news/election-us-2020-54507550

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: