Connect with us

Published

on

ช่วงเทศกาลคริสต์มาสแล้ว บรรดาร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่างเริ่มทะยอยประดับตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็น ประดับต้นคริสต์มาส กล่องของขวัญ และประดับไฟ

แต่ถ้าสังเกตดีดี เราจะเห็นช่อหรือพุ่มเขียวกลมๆ ที่แขวนอยู่ตามประตูบ้าน หรือในหนังและซีรีส์ในช่วงคริสต์มาสกันบ่อยๆ หรือแม้แต่ในเพลง Mistletoe ของ จัสตินบีเบอร์ วันนี้สำนักข่าวโตโจ้นิวส์จะพาให้ทุกคนมารู้จัก Mistletoe สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาสกันมากขึ้นกัน

เจ้าช่อเขียวๆ พุ่มๆ ที่แขวนอยู่ตามหน้าบ้านนี่แหละ คือ มิสเซิลโท (Mistletoe) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง  แต่เอ๊ะ! แล้วมันสำคัญยังไง ทำไมคนถึงต้องแขวนไว้หน้าบ้านกันเยอะขนาดนั้น ความลับของเจ้าพุ่มนี้จะทำให้ทุกคนได้รู้กันในวันนี้ 

Mistletoe (มิสเซิลโท) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Phoradendron มาจากภาษากรีก แปลว่า “โจรปล้นต้นไม้” เจ้าช่อนี้แท้จริงแล้วคือพันธุ์ไม้จำพวก ‘กาฝาก’ นั่นเอง ซึ่งเจ้าช่อนี้ส่วนมากจะอยู่บนต้นไม้ในช่วงฤดูหนาว ในแถบยุโรป ใบมีลักษณะแบนๆ มีผลคล้ายๆ ลูกเบอร์รี่ ซึ่งมีสีขาวหรือสีแดง แล้วแต่สายพันธุ์ ซึ่งภายในลูกจะมียางเหนียวๆ ซึ่งอันตรายต่อผิวหนัง รวมถึงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และปวดท้องหากกินเข้าไป เพราะงั้นอย่าได้หาหยิบมากินนะ! 

ในช่วงฤดูหนาวแม้ว่าต้นไม้อื่นจะทะยอยผลัดใบจนเหลือแต่กิ่ง แต่เจ้ามิสเซิลโท กลับเป็นไม้ไม่กี่ชนิดที่มีใบเขียวๆ และมีผลอยู่ รวมถึงยังเป็นพืชที่มีมากถึง 1,300 สายพันธุ์ทั่วโลก ซึ่งสาเหตุที่มีสายพันธุ์เยอะนั่นก็คือ การขยายพันธุ์ที่ง่ายเสียเหลือเกิน เพราะนกที่กินลูกเบอร์รี่จากต้น Mistletoe แล้วไม่ว่าจะไปปล่อยขี้ไว้ตามต้นไม้ไหนก็ตาม เมื่อเจ้าเมล็ดนี้ตกไปที่ไหนก็จะไปงอกที่นั่น และดูดสารอาหารจากต้นไม้ที่มันไปเกาะนั้นๆ นั่นเอง 

“มิสเซิลโท” อาวุธสังหาร ที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติสุขและความรัก 

มีเรื่องราวของพืชมิสเซิลโท ปรากฎอยู่ในตำนานของชาวนอร์ส ที่ถูกบันทึกไว้ในสมิธโซเนียน (Smithsonian) ว่า มิสเซิลโทสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ โดยเรื่องเล่ามีอยู่ว่าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในคืนหนึ่งเทพเจ้าบัลเดอร์บุตรแห่งโอดิน ถูกทำนายไว้ว่าจะต้องตาย เทวีฟริกกา ผู้เป็นแม่ได้จึงได้ขอร้องและขอพรกับทุกส่ิงทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตเพื่อให้ลูกของเธอปลอดภัย เว้นเพียงแต่มิสเซิลโท ที่เธอไม่ได้ขอ เพราะเห็นเปนเพียงแค่เถาไม้เล็กๆ ที่ดูจะไม่มีพิษสงอะไร เมื่อเวลาผ่านไป โลกิ ได้ปลอมเป็นหญิงชราเพื่อหลอกถามว่าอะไรที่จะใช้ทำร้ายบัลเดอร์ได้ หลังจากที่ได้คำตอบแล้ว โลกิจึงได้คิดอุบายแข่งยิงธนูบนสวรรค์ โดยสร้างศรด้วยกิ่งมิสเซิลโท และขอให้เทพโฮเดอร์ผู้ตาบอดมาร่วมโดยมีโลกิเป็นผู้บอกเป้าหมาย แน่นอนว่าศรนั้นยิงเข้าทะลุหัวใจของบัลเดอร์และเสียชีวิตโดยทันที 3 วันต่อมาทุกคนพยายามทำให้บัลเดอร์ฟื้นคืนชีพแต่ไม่เป็นผล ฟริกกาผู้เป็นแม่เสียใจมากและหลั่งน้ำตาออกมา ทำให้ผลมิสเซิลโทเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวและทำให้บัลเดอร์ฟื้นคืนชีพ ฟริกกาดีใจมากและจูบขอบคุณทุกคนที่เดินเข้ามาอยู่ใต้ต้นมิสเซิลโทเพื่อแสดงความขอบคุณ จึงทำให้ มิสเซิลโทกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติสุขและความรัก นั่นเอง  

ความเชื่อ จุมพิตรักใต้ต้น” มิสเซิลโท”

เราคงได้เห็นผ่านหนังหรือซีรีส์ฝรั่งที่จะมีคนจูจุ๊บกันใต้พวงมิสเซิลโทกันบ่อยๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ว่า หากคนสองคนยืนอยู่ใต้ช่อ มิสเซิลโท ด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งสามารถขออีกฝ่ายจูบได้ ซึ่งหมายถึงความรักจะเป็นนิรันดร์รักกันน๊านนาน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยอมก็จะทำให้เกิดโชคร้าย นั่นเอง และหากจูบแล้วก็ต้องเด็ดลูกแดงๆของช่อนั้นออกด้วย หากไม่เหลือลูกแล้วก็แปลว่าพลังของมิสเซิลโท หมดพลังและคู่ต่อไปที่มายืนก็ไม่จำเป็นต้องทำตามธรรมเนียมนั้นแล้ว 

ซึ่งธรรมเนียมนี้มีจุดเริ่มต้นจากชาวกรีก ที่เชื่อว่า มิสเซิลโท เป็นยาที่ช่วยในการเจริญพันธุ์และทำให้ชีวิตเป็นนิรันดร์ ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่าการแขวนพุ่มมิสเซิลไว้หน้าบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและนำพาความสงบสุข และความโชคดีมาสู่ครอบครัวได้ และยังเป็นการตกแต่งให้สวยงามในช่วงเทศกาลแห่งความสุขและความอบอุ่นอีกด้วย สุดท้ายนี้ สุขสันต์วันคริสต์มาสล่วงหน้านะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุข ปลอดภัยจากโควิด-19 ค่า

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: