Connect with us

Published

on

หากเรานึกถึง “เป็ด” ความสามารถของมันก็คงไม่พ้นว่ายน้ำและบิน แต่ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่นัก มิหนำซ้ำเสียงร้องของมันยังไม่ไพเราะเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ถ้าเปรียบเทียบกับคน ก็คงเป็นคนที่มีความสามารถหลากหลาย แต่ไม่ได้เก่งสุดๆในด้านใดด้านหนึ่ง เหมือน “เบียร์ ศิริพงษ์ เหล่านุกูล” ผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร แต่หากคุณได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว คุณจะเห็นความพิเศษบางอย่างในตัวเขา

วัยเด็กของเขาไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก ทำให้เขาเป็นคนที่กล้าจะเผชิญหน้ากับปัญหาเพื่อเอาตัวรอดในสังคมให้ได้ เบียร์เป็นคนที่ทำงานมาเยอะมาก นั่งถามว่าเขาทำงานอะไรมาบ้างถึงกลับต้องนับนิ้วช่วยกัน  เป็นเด็กขายซีดี ล้างรถ เด็กในกองถ่าย เป็น Staff อีเวนต์ ขายของตลาดนัด เด็กเสิร์ฟในผับ ทำให้มุมมองต่อการใช้ชีวิตและทำงานเบียร์ อาจไม่ได้เหมือนเป็ดตัวอื่น

ด้วยความสามารถในด้านการสื่อสารของเบียร์ ทำให้ปัจจุบันเบียร์ได้มีโอกาสเป็น Creative Content ที่ บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จำกัด หนึ่งในผู้นำด้านการสร้างระบบนิเวศน์นวัตกรรมของประเทศไทย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของชีวิตกับการเป็นพนักงานประจำ เนื่องจากทั้งอิสระของชีวิต ที่ต้องทำงานหลายอย่างไปด้วย หลายครั้งที่เบียร์ต้องล้ม แต่ทุกๆ ครั้งเบียร์เองก็ยืนขึ้นแล้วเดินต่อ เบียร์เล่าให้เราฟังว่า ช่วงหนึ่งเขาเคยไม่มีอะไรเหลือเลยในชีวิต นับเงินทั้งตัวรวมกันไม่ถึง 10 บาท เขาตัดสินใจไปขอนอนวัด เรื่องนั้นมันทำเราอึ้งอยู่เหมือนกัน แต่เบียร์กลับตอบมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและมีความสุข และเล่าให้เราฟังราวกับว่ามันเป็นมุขตลก อดถามต่อไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเขาผ่านมันมาได้ยังไง เบียร์เล่าต่อว่าเขาแค่หาที่นอนเพื่อวันต่อไป แต่ชีวิตของเขายังคงใช้ชีวิตปกติ แค่เปลี่ยนที่นอนและไม่มีเงินเท่านั้น เขายังนั่งรถประจำทางไปทำงาน กลับมากินข้าว พักผ่อนออกไปเดินเล่นไปเจอเพื่อน เหมือนชีวิตปกติสุข เพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทุกข์ เพราะรู้ว่าเขารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และเขาเชื่อว่าตัวเองไปได้ไกลกว่านี้  เขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถเก็บเงินและกลับมาหาที่พักได้ปกติ โดยเรื่องนี้สำหรับเบียร์แล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่อง

•ทำทุกอย่างให้ครอบครัว      
เห็นแววตาที่เป็นประกายเมื่อเวลาถามถึงเรื่องครอบครัว เบียร์เล่าให้เราฟังถึงชีวิตปัจจุบันที่ต้องดูแลลูกๆ 2 คน เราเห็นเบียร์ทุ่มเทและให้เวลากับครอบครัวมากๆ เลยอยากรู้ว่าทำไมเขาต้องทุ่มเทมากขนาดนี้ คำตอบสั้นๆ ที่ออกมาจากปากเบียร์ทันทีคือ “โอกาส” 

เราขมวดคิ้วสงสัยในคำตอบสั้นๆนั้น เพียงไม่กี่วินาทีเบียร์ได้พูดต่อว่า “เพราะว่าผมเป็นคนที่หาโอกาสให้ชีวิตตัวเองมาตลอด แล้วผมก็พลาดโอกาสในชีวิตเยอะมาก แต่เมื่อผมสามารถสร้างโอกาสให้ใครสักคนในชีวิตแล้วผมจะทำมันให้เต็มที่ ให้โอกาสเขาได้เรียนรู้ เค้าอยากวาดภาพเราก็สนับสนุนเต็มที่ อยากเล่นดนตรีเราก็ดี ให้โอกาสเขาได้มีครอบครัวที่อบอุ่น”

•โอกาส
เบียร์ตอบไม่ต่างจากเดิมเลย “คาดหวังโอกาส เราไม่ได้คาดหวังว่าเค้าโตมาแล้วจะเป็นยังไง แต่เราคาดหวังว่าเค้าจะได้โอกาสทำอะไรหลายๆอย่าง เราเลยเป็นคนที่พยายามสร้างโอกาสให้เค้าได้มากๆ เราจะไม่ปิดกั้นว่าอะไรจะเป็นยังไง เพราะเราเติบโตมาในบริบทที่โอกาสในชีวิตน้อยมาก แล้วเราก็สร้างโอกาสให้กับตัวเองมาตลอด แต่บางทีมันก็มีหลายปัจจัยที่มันไม่เอื้ออะไรหลายๆอย่าง เรื่องเงินเอย เรื่องสถานภาพเอย เรื่องการศึกษาเอย เรื่องครอบครัวเอย เลยทำให้เราขาดโอกาสหลายๆอย่างไป เราเลยรู้สึกว่าถ้าเราจะเลี้ยงใครเราควรจะสร้างโอกาสให้เค้ามากที่สุด แต่เค้าจะไขว่คว้ามากขนาดไหนหรือนำไปต่อยอดได้แค่ไหน อันนั้นมันเรื่องของเค้า” 

ฟังเบียร์เล่ามาถึงช่วงนี่แล้ว เราเลยถามต่อว่า อะไรที่เบียร์ทุ่มเทให้กับตัวเอง “เบียร์ตอบอย่างฉะฉานและหนักแน่นว่า “ความรักมั้ง ไม่ได้หมายถึงชีวิตคู่นะ หมายถึงรักตัวเอง เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับ Self Esteem มาก เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เยียวยาชีวิตเรามาได้ขนาดนี้ เราไม่ได้มีชีวิตที่ดี เรามีอุปสรรคผ่านเข้ามาในชีวิตตลอด เราเลยพยายามหาที่อะไรทำที่มันได้ชื่นชมตัวเอง ง่ายๆเลยคือเรื่องเล่นกีฬา เราตีแบดมินตันแล้วเราทุ่มเทกับมันมากๆ เพราะมันคือกีฬาที่ทำให้เราได้ปลดปล่อย เราเป็นคนสะใจเวลาเหนื่อยหรือเล่นหนักๆ มันได้ระบาย เวลาเรามีความสุขหรือเครียดเราก็อยากตีแบด ที่สำคัญคือ เราเห็นตัวเองชนะ เห็นตัวเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ เราก็รู้สึกสะใจ รู้สึกดี จนตอนนี้เราก็มีไปแข่งรายการเล็กๆ บางคนอาจจะมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับเรามันคือส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ในชีวิตเรา”

การนั่งคุยกันเวลาสองชั่วโมงนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แง่คิด เสียงหัวเราะ สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้คือ “ความธรรมดาของชีวิต”มันเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะไม่ได้โดดเด่นอยู่ตลอด หรือเก่งที่สุดในเรื่องนั้นๆ แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ไปต่อได้คือ การรักตัวเอง รักสิ่งที่กำลังทำ ภูมิใจในตัวเอง มันทำให้เราได้ย้อนกลับมามองและถามตัวเองว่า แล้วเราละ รักและภูมิใจกับตัวเองมากแค่ไหน เราทำอะไรเพื่อตัวเราเองแล้วบ้าง? 

“In the end, it’s not the years in your life that count. It’s the life in your years.”  – Abraham Lincoln –

“ในท้ายที่สุด มันไม่ใช่ว่าคุณมีอายุอยู่ถึงกี่ปี แต่มันคือ คุณได้ใช้ชีวิต “อย่างมีความหมาย” กี่ปี ในช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่” -อับราฮัม ลินคอล์น-

ใครอยากแชร์เรื่องราวของตัวเองให้ส่งมาที่ : info@duriancorp.com

ติดตามบทสัมภาษณ์ใหม่ได้ทุกวันอาทิตย์ ที่ Facebook Page : TOJONEWS

 จักรินทร์ อินทรักษ์  ผู้เขียน

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: