LGBT คือคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ( ชายหรือหญิงที่ชื่นชอบเพศเดียวกัน และกลุ่มคนข้ามเพศ ) ซึ่งในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เหล่าเพศหลากหลายไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนเหมือนในอดีตอีกต่อไป พวกเขาสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเปิดเผย และเพื่อเป็นการสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของชาว LGBT ทาง TOJO News ขอนำเสนอ 5 ภาพยนตร์ชั้นเยี่ยม เกี่ยวกับชาว LGBT ที่หลังดูจบคุณจะทั้งอินและเสียน้ำตาให้กับเรื่องราวชีวิตสุดเข้มข้น และความรักอันสวยงามของพวกเขาแน่นอน จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ
Moonlight มาเริ่มกันที่เรื่องนี้เลย เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ โดย Moonlight นั้นเล่าถึงเรื่องราวชีวิต 3 ช่วงวัย ของเด็กหนุ่มผิวดำชื่อ ชิรอน ที่เกิดมาในแหล่งเสื่อมโทรมของ ไมอามี่ เขาต้องดิ้นรนและเอาชีวิตรอดในโลกอันโหดร้ายนี้ นอกจากจะถูกรังแก พัวพันกับอันธพาลและยาเสพติดแล้ว เขายังต้องรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกที่กำลังสับสนเรื่องเพศของตัวเองอีกด้วย ชีวิตของ ชิรอน จะยากลำบากเพียงใด ต้องไปดู!! หนังดีมากครับบอกเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะตีแผ่ความโหดร้ายของสังคมคนดำในย่านเสื่อมโทรมของอเมริกา ที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแล้ว Moonlight ยังเจาะลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ในด้านของอารมณ์และมิติตัวละคร การดำเนินเรื่องเรียกได้ว่าหนักแน่นมาก ซึ่งการที่ตัวหนังโชว์ให้เห็นชีวิตของ ชิรอน ในวัยเด็ก วันรุ่น และวัยผู้ใหญ่ ทำให้คนดูเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมซึ่งหล่อหลอมตัวเขานั่นเอง อีกทั้งยังเห็นใจและสงสาร เนื่องจากการรักเพศเดียวกันในสังคมคนดำเป็นเรื่องที่ยังไม่ถูกยอมรับ ทำให้ความรู้สึกต่างๆต้องถูกเก็บซ่อนไว้ข้างในนั่นเอง ในเวทีออสการ์ Moonlight ได้เข้าชิงถึง 8 สาขา และชนะไป 3 สาขาด้วยกัน ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ส่วนสาขาที่ได้เข้าชิงคือ ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยมนั่นเอง ใครไม่เคยดู แนะนำสุดๆครับ ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากชิรอน และเควิน บนชายหาดกลางแสงจันทร์ และฉากบทสนทนาในห้องครัวท้ายเรื่อง กำกับโดย Barry Jenkins นำแสดงโดย Trevante Rhodes, André Holland, Janelle Monáe, Naomie Harris, Mahershala Ali เข้าฉายในปี 2016
Boys don’t cry ภาพยนตร์คุณภาพสุดสะเทือนใจเรื่องนี้ เล่าถึงชายหนุ่มชื่อ แบรนดอน ทีน่า ซึ่งพึ่งย้ายมาอยู่ที่เมือง เนบลาสก้า เขาได้เป็นเพื่อนกับคนแก๊งหนึ่ง อีกทั้งยังได้พบรักกับ ลาน่า สาวสวยหนึ่งในสมาชิกแก๊งอีกด้วย ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ดีแต่ปัญหามีอยู่ว่า แท้จริงแล้วแบรนดอน เป็นหญิงสาวทอมบอยที่แต่งตัวและทำทุกอย่างเหมือนผู้ชายนั่นเอง และเมื่อความลับนี้หลุดออกไป สิ่งที่เขาต้องเจอนั้นกลับเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด สะเทือนใจและจุกมากครับสำหรับเรื่องนี้ สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอให้คนดูได้เห็น คือความโหดร้ายที่เพศที่ 3 ถูกกระทำ อีกทั้งยังสะท้อนถึงสังคมชนบทของอเมริกายุคนั้น ที่ยังมองเพศที่ 3 ว่าเป็นสิ่งผิดธรรมชาติ น่ารังเกียจ และสมควรถูกกำจัด เป็นเหตุผลที่ทำให้ตัวละครหลักของเรื่องต้องพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อไม่ให้คนรู้ความจริงของตัวตนเขา แต่ในอีกแง่มุม Boys don’t cry ยังได้นำเสนอความรักระหว่าง แบรนดอน และลาน่า ออกมาได้อย่างโรแมนติกและสวยงาม จนทำให้คนดูอินตามและพร้อมเอาใจช่วยพวกเขา ด้านการแสดงต้องบอกว่า ฮิลลารี่ แสวงค์ เล่นได้สุดยอดจริงๆในบท แบรนดอน เธอตีบทแตกกระจุยและทำให้ผู้ชมเชื่อจริงๆว่าเธอคือทอมบอยที่ต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็แค่ต้องการมีชีวิตและได้พบรักเหมือนคนทั่วไป และเพราะการแสดงอันเยี่ยมยอดนี่เองที่ทำให้เธอได้รางวัลออสการ์ตัวแรกในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครอง (ตัวที่ 2 ได้จากภาพยนตร์เรื่อง Million Dollar Baby) พูดได้เลยว่า Boys Don’t Cry เป็นภาพยนตร์ที่ดีมากๆ แต่อาจดูได้เพียงครั้งเดียวเนื่องจากความหดหู่และโทนหนังที่หนักเอาเรื่องนั่นเอง ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากเลิฟซีนสุดโรแมนติกระหว่างแบรนดอนกับลาน่า และฉากข่มขืนที่โคตรสมจริงและสะเทือนใจ กำกับโดย Kimberly Peirce นำแสดงโดย Hilary Swank, Chloë Sevigny, Peter Sarsgaard, Brendan Sexton III, Lecy Goranson เข้าฉายในปี 1999
The Danish Girl The Danish Girl เล่าเรื่องราวของ ไอนาร์ เวเกเนอร์ และ เกอร์ดาร์ เวเกเนอร์ สามีภรรยา ที่มีชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่แล้วจุดพลิกผันก็เกิดขึ้นเมื่อ ไอนาร์ เริ่มค้นพบตัวคนที่แท้จริงว่าตัวเขานั้นอยากเป็นหญิง ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้เขากลายเป็นหญิงข้ามเพศคนแรกของโลกในชื่อ ลิลลี่ เอลบี นั่นเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรบ้าง อยากรู้ต้องไปดูเลยครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่นำเสนอเรื่องของการค้นพบตัวเองและการเป็นตัวเองได้อย่างดี พร้อมทั้งมีเมสเสจที่สำคัญอย่างการการเฉิดฉายตัวตนของคุณออกมา และไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะมองคุณไม่ดียังไง การยอมรับในสิ่งที่คุณเป็นอาจจะดีที่สุดแล้ว ตัวหนังทำออกมาได้สวยงามทั้งด้านอารมณ์ และด้านภาพจริงๆ ต้องขอชม 2 นักแสดงหลักที่เล่นได้สุดยอดมากๆ เอ็ดดี้ เรดเมน ในบท ไอนา / ลิลลี่ สามารถทำให้คนดูเห็นการเปลี่ยนแปลงจากชายหนุ่มผู้เป็นสามีสู่การเป็นหญิงเต็มตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติเหลือเชื่อ ในขณะที่ อลิเซีย วิกันเดอร์ ในบท เกอร์ดาร์ ภรรยาผู้แสนดี ก็ทำให้ผู้ชมอินและเห็นใจสถานการณ์ของเธอที่เจ็บลึกในใจจากการค่อยๆสูญเสียสามีของเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมซัพพอร์ตเขาอย่างเต็มที่ ในเวทีออสการ์ The Danish Girl ได้เข้าชิงถึง 4 สาขา และชนะไป 1 คือ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ส่วนสาขาที่เข้าชิงคือ นักแสดงชายยอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นหนังดีอีกเรื่องที่สมควรแก่การดูครับ ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉาก ไอนาร์ แต่งหญิงเป็นแบบให้เกอร์ดาร์ และฉากเกอร์ดาร์แสดงอารมณ์ขอสามีคืนจากลิลลี่ กำกับโดย Tom Hooper นำแสดงโดย Eddie Redmayne, Alicia Vikander, Ben Whishaw, Sebastian Koch, Amber Heard, Matthias Schoenaerts เข้าฉายในปี 2015
Call me by your name ภาพยนตร์โรแมนติคชั้นดีเกี่ยวกับชายรักชายเรื่องนี้ เล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง เอลิโอ เด็กหนุ่มวัย 17 ปี กับ โอลิเวอร์ นักศึกษาปริญญาเอกหนุ่ม ที่มาค้างแรมกับครอบครัวของเอลิโอเป็นเวลาหกสัปดาห์เพื่อเขียนงานวิทยานิพนธ์ของตนให้เสร็จ และช่วยงานพ่อของเอลิโอ ผู้เป็นศาสตราจารย์ด้านโบราณคดี เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเร่าร้อนและโรแมนติกเพียงใด ลองไปดูได้เลยครับ พูดได้เต็มปากเลยว่าครับว่า Call Me by Your Name เป็นหนังชายรักชายที่ทำออกมาได้โรแมนติกจริงๆ การดำเนินเรื่องทำได้น่าติดตามตลอด อีกทั้งนักแสดงหลักยังถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และทำให้คนดูเชื่อถึงความสัมพันธ์ที่เล่าร้อนของทั้งคู่อย่างไม่ยากนัก นอกจากจะเป็นหนังรักแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นแนว coming of age หรือก้าวพ้นวัยที่ทำให้เห็นพัฒนาการของตัวละคร เอลิโอ ที่เริ่มค้นพบความรู้สึกตัวเองตลอดการดำเนินเรื่องอีกด้วย Call Me by Your Name เข้าชิงถึง 4 สาขาในเวทีออสการ์ และชนะไป 1 ได้แก่ บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และเข้าชิงสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม ใครที่อยากดูหนังชายรักชายดีๆซักเรื่องก็ขอแนะนำเลยครับ ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากรักสุดเร่าร้อน และฉากหน้ากองไฟที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก กำกับโดย Luca Guadagnino นำแสดงโดย Timothée Chalamet, Armie Hammer, Michael Stuhlbarg, Amira Casar, Esther Garrel เข้าฉายในปี 2017
Milk ส่งท้ายด้วยภาพยนตร์ดีกรีออสการ์เรื่องนี้เลยครับ โดยเนื้อหาของ Milk จะเล่าถึงชายชื่อ ฮาร์วี่ย์ มิลค์ ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิชาวรักร่วมเพศ อีกทั้งยังพยายามที่จะกำจัดความเหลื่อมล้ำทางการเมือง เขาได้รับเลือกให้เข้าไปนั่งในสภาที่ปรึกษาแห่งซานฟรานซิสโก และพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อเมริกา โดยการเป็นเกย์เปิดเผยคนแรกที่มีสิทธิ์มีเสียงทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา เรื่องราวของมิลค์จะทรงพลังขนาดไหน ต้องดูให้ได้ เป็นภาพยนตร์ที่ทรงพลังจริงๆครับ นอกจากเนื้อเรื่องที่น่าติดตามแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสร้างแรงบันดาลใจชั้นดีให้แก่ ผู้คนชาว LGBT ที่ว่าการเป็นเพศที่ 3 นั้นไม่ได้ทำให้คุณด้อยกว่าเพศปกติเลย หากคุณมีความพยายามและมุ่งมั่นคุณก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้ได้ ต้องขอชื่นชม ณอน เพนน์ ที่สามารถสวมบทบาทเป็น ฮาร์วี่ย์ มิลค์ ได้อย่างเพอร์เฟคมาก เขาทำได้ดีทั้งการแสดงอารมณ์ บทพูดที่ทรงพลัง และการทำให้คนเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นเกย์จริงๆผ่านการแสดงอันยอดเยี่ยม อีกทั้งตัวหนังยังมีการสร้างบรรยากาศฮิปปี้ยุค 70 ออกมาได้อย่างสมจริง เพราะความสุดยอดของตัวหนังนี้เอง ทำให้ Milk ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 8 สาขา และชนะไป 2 สาขา ซึ่งก็คือ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ส่วนสาขาที่เข้าชิงที่เหลือ ได้แก่สาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยมนั่นเอง ใครไม่เคยดู ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ไฮไลต์ของเรื่อง: ฉากมิลค์พูดสุนทรพจน์ที่ทรงพลังมากๆ กำกับโดย Gus Van Sant นำแสดงโดย Sean Penn, Emile Hirsch, Josh Brolin, Diego Luna, James Franco เข้าฉายในปี 2008
You must be logged in to post a comment Login