หลังจากเกิดเหตุชุลมุนที่ทำเนียบขาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อมีม็อบผู้นิยมประธานาธิบดีทรัมป์ก่อเหตุบุกรัฐสภาสหรัฐเพื่อขัดขวางพิธีรับรอง โจ ไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดี จนทำให้มีผู้ชุมนุมถูกตำรวจยิงเสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์ได้จัดำรายงานพิเศษเพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าว ได้ข้อสรุปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปตามที่ทรัมป์ได้เคยบอกกับกลุ่มผู้สนับสนุนตัวเองว่า วันพุธที่ 6 มกราคม 2564 จะเป็นวัน “สุดเถื่อน” สำหรับเมืองหลวงของประเทศ
โดยล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกโรงแถลงการขอร้องแกมสั่งให้ผู้ก่อเหตุประท้วงเดินทางกลับบ้าน โดยประกาศว่า “เรารักพวกคุณแต่ตอนนี้กลับขอให้กลับบ้าน” หลังจากว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกมาประกาศเรียกร้องขอให้ “พอกันที”
โดยความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขัดขวางการรับรองชัยชนะการเลือกตั้งของโจ ไบเดน โดยสภาคองเกรส จนทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติทั้งสองสภาและเจ้าหน้าที่ประจำสภาต้องหลบหนีกลุ่มผู้ชุมนุม และตำรวจต้องเข้าระงับเหตุการณ์ด้วยการตรึงกำลังพร้อมอาวุธครบมือภายในห้องประชุมสภา
รายละเอียดจากข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ในช่วงบ่ายของวันที่ 6 มกราคม ตามเวลาสหรัฐอเมริกา หรือช่วงเช้ามืดของวันที่ 7 มกราคม ตามเวลาประเทศไทยว่า เกิดเหตุการณ์มีกลุ่มผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้รวมตัวกันประท้วงการประชุมสภาคองเกรสของสหรัฐ เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ได้รับชัยชนะไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ ได้ออกมารวมตัวกัน นอกจากเพื่อกดดันการยืนยันผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีก่อนหน้านี้แล้ว ก็ได้เริ่มก่อเหตุเข้าไปดันแผงกั้นฝูงชน ก่อนที่จะสามารถฝ่าแนวกั้นบุกเข้าไปในตัวอาคารเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนตั้งแต่เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้สเปรย์พริกไทย และใช้แก๊สน้ำตาเพื่อยับยั้งฝูงชน ขณะเดียวกันก็เกิดเสียงดังและมีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งบริเวณอาคารท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวาย ขณะที่มีรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในห้องประชุมวุฒิสภาด้วย
ภายในอาคารรัฐสภาเอง มีสภาพคล้ายกับการก่อรัฐประหารหรือการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ฝูงชนโบกธงสีน้ำเงินของทรัมป์และสวมหมวกหาเสียงสีแดงของทรัมป์บุกเข้าไปในห้องประชุม และสามารถยับยั้งกระบวนการรับรองโจ ไบเดนได้สำเร็จ
สมาชิกสภานิติบัญญัติได้รับหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตาเพื่อป้องกันตัวเองพร้อมทั้งต้องรีบอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัย เป็นเหตุให้พิธีการรับรองต้องล่มลงกลางคัน
มีภาพถ่ายที่มีการแชร์กันบน Twitter แสดงภาพสถานการณ์ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนอกเครื่องแบบเล็งปืนพกผ่านหน้าต่างที่ถูกทุบเพื่อป้องกันผู้บุกรุกไม่ให้บุกเข้ามา รวมถึงมีภาพชายไม่ทราบชื่อถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนภายในอาคารรัฐสภา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผู้ชุมนุมบางคนสามารถยึดสำนักงานของประธานสภาผู้แทนราษฎรคือ แนนซี เปโลซี แล้วไปนั่งเยาะเย้ยที่โต๊ะ คนอื่นๆ โพสต์ท่าถ่ายรูปในห้อง
รายงานยังระบุอีกว่าในช่วงเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้อาวุธปืนในการขัดขวางกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามบุกเข้าไปในตัวอาคารรัฐสภาด้วย ล่าสุดมีรายงานว่ามีหญิงรายหนึ่งถูกยิงที่หน้าอกจนเสียชีวิตในพื้นที่อาคารรัฐสภา อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
หลังกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าไปในอาคารัฐสภาได้เจ้าหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้สั่งให้มีการอพยพบรรดา สส.ออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน มีรายงานว่านายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เข้าร่วมการประชุมก็ต้องอพยพจากตัวอาคารเช่นกัน ขณะที่ สส.บางคนสวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตาขณะอพยพออกจากตัวอาคารด้วย
หลังจากเหตุวุ่นวายหลายชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งจะเผยแพร่วิดีโอสั้นๆ บน Twitter เพื่อเรียกร้องให้ผู้คน “กลับบ้าน” แต่ไม่ได้แสดงความเสียใจหรือขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ตั้งแต่ที่ผมถูกส่งไป (รบ) ที่อิรัก” ไมค์ กัลลาเกอร์ สมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกันและทหารผ่านศึกกล่าวกับซีเอ็นเอ็น
ด้าน โจ ไบเดน ออกมาประนามความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่เดอะ แคปปิตอล ฮิลล์ “ในชั่วโมงนี้ประชาธิปไตยของเราถูกท้าทายอย่างคาดไม่ถึง…” และชี้ว่า “ผมขอเรียกร้องให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงผ่านทางจอทีวีเดี๋ยวนี้ และปกป้องรัฐธรรมนูญ ออกคำสั่งให้ยุติการบุกยึด” ก่อนเดินออกจากเวที เขาประกาศให้ได้ยินว่า “พอกันที พอกันที”
รายงานระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมพื้นที่อาคารรัฐสภาเอาไว้ได้ในเวลา 17.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่นายมูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี จะประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากบ้าน ในช่วงเวลา 18.00 น. จนถึง 06.00น.
อนึ่งเหตุการณ์บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ ดังกล่าว นับเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ กองทัพอังกฤษ บุกโจมตีและเผาอาคารรัฐสภา สหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ปีค.ศ.1814 หรือเมื่อกว่า 200 ปีก่อน
สื่อมวลชนในต่างประเทศส่วนใหญ่มีความเห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไปในแนวทางเดียวกันว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ กรรมสนอง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯมักจะไปสร้างความวุ่นวายในประเทศต่างๆทั่วโลกและเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังจะย้อนกลับมาเกิดเหตุกับสังคมอเมริกาเช่นเดียวกัน
You must be logged in to post a comment Login