The Pinnacle Leadership Program พัฒนาศักยภาพรอบด้าน พร้อมสู่การเป็นผู้นำสูงสุด

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ DURIAN CORPORATION ผู้นำด้านการสร้างหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของไทย เปิดหลักสูตร The Pinnacle Leadership Program By L-NET รุ่นที่ 1 ในวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ กรุงเทพฯ

Personality for Success บุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ

ได้รับเกียรติจาก ดร.ประณม ถาวรเวช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอนห์น โรเบิร์ต เพาเวอร์ส มาบรรยายในเรื่องการเสริมสร้างบุคลิกภาพ

โดยเริ่มจาก “Fake it Until You Make it” เป็นการพยายามเปลี่ยนปรับจนเกิดความเคยชิน ตัวอย่างเช่น ตอนถ่ายรูป การยิ้มที่ออกมาจากใจ การทำอะไรก็ตามจนกระทั่งกลายเป็นนิสัยของคุณ แต่ในระหว่างทางอาจเกิดอุปสรรคคือ EGO ที่สามารถทิ้งได้ยาก โดย EGO เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวของทุกคน แล้วแต่จะมีมากหรือน้อย เป็นสิ่งที่เกิดจากการเลี้ยงดูและตัวเรา

จากผลการวิจัยเผยว่า การที่เราเห็นคนอื่นเป็นสิ่งแรก คือ “ภาพลักษณ์” ดร.ประณม กล่าวว่า ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างเอง “Your Life You’re self” สามารถฝึกฝนได้ทั้งสีหน้า การใช้แววตา ท่าทาง การจะเป็นนักพูดที่ดี หรือเป็นผู้นำที่ดี ต้องเรียน Acting ต้องเรียนสมาธิ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ใจ” พร้อมทั้งการมีสติที่คุณต้องควบคุมให้อยู่

ในโลกนี้ไม่มีอะไรทำไม่ได้ แค่คุณต้องฝึก อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ คือ “น้ำเสียง”เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึก เวลาไหนควรใช้น้ำเสียงสนุก หรือน้ำเสียงในเรื่องที่เป็นวิชาการ ควรใช้ mono tone ถ้าพวกเราต้องการไปยืนอยู่แถวหน้าต้องการทำให้คนรู้จัก ต้องทำทุกอย่างให้ดูดี

Character บอกความเป็นคุณ

เพราะสิ่งแรกที่คนเห็นเราคือภาพลักษณ์ภายนอก ดังนั้นการดูแลตัวเองต้องเริ่มจากการแต่งกาย การแต่งกายให้ใช้วิธี “น้อยแต่มาก” แต่งตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะ เวลา และสถานที่ เริ่มตั้งแต่การเลือกสีของชุด ในส่วนของทรงผม ดูแลให้เหมาะสมกับบุคลิกของตัวเอง การดูแลตัวเองด้วยรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

ในปัจจุบันผู้ชายต้องดูแลตัวเองรวมไปถึงการแต่งหน้า การใส่นาฬิกา การใส่แว่นให้เข้ากับรูปหน้า คนไหนคิ้วบางให้ใส่แว่นที่มีเฟรม แว่นตา คือตัวช่วยเสริมบุคลิกให้ดีขึ้น แว่นตาเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญ

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้คุณคือการพูด อย่าลืมคำพูดเหล่านี้ “ขอบคุณ” “ชมเชย” “ขอโทษ” หากไม่มีใครพูด คุณสามารถพูดให้กำลังใจตัวเองได้ เพราะในการพัฒนานั้น ทุกอย่างเริ่มที่ “ตัวเรา”

อีกหนึ่ง Section ที่สำคัญ ได้รับเกียรติจาก คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร CMO,SCBX ในหัวข้อ “Transformative Marketing” การตลาดที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง

Organisation Transformation

คุณสุธีรพันธุ์  กล่าวว่า เมื่อ 115 ปีก่อน ธุรกิจธนาคารที่ผ่านมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่มาเปลี่ยนในช่วง 7 ปีก่อนหน้านี้ โดยเปลี่ยน Bank ธนาคาร เป็น Digital ธนาคารไทยพาณิชย์จากอดีต มีสาขา 1,100 สาขา เหลือเพียง 700 สาขา แต่ธุรกิจไม่ได้เล็กลง เราเอา Big Data มา ช่วงที่เราทำ Transformation เราเปลี่ยน Culture ที่สำคัญที่สุด ส่งผลให้ SCB Connect คือ Line connect แรกในโลก

ทุกวันนี้ธุรกรรมต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในโทรศัพท์มากขึ้น ทำแม่มณี เราไปทำ Sand box ใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวนำ จากคนไม่สนใจ กลายเป็นสื่อ คนมีความสนใจมากขึ้น โดยมากที่สุดช่วงโควิด  ในอดีตการโอนมีค่าใช้จ่าย ทุก Bank กลัวต่างชาติ Facebook Google เริ่มทำ Wallet นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย เราเอาแพลตฟอร์มที่แข็งแรง ทำ Digital Landing เจ้าแรกในไทย

สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลง ให้เป็นเทคโนโลยี Company อยู่ที่การแข่งขัน วัฒนธรรมองค์กร เนื่องจากเราอยู่ใต้ดูแลของตลาดหลักทรัพย์ ทำให้โมเดลนี้ไม่มีประสิทธิภาพในการแข่งขัน 2021 ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรเป็นภาพใหม่ ไทยพาณิชย์เป็นบริษัทลูก SCBX ผู้ถือหุ้นทั้งหมดถือหุ้นในนี้ ย้ายจากธนาคารพาณิชย์ ไปเป็น Online Marketing

Marketing Transformation

What the marketing A creative solution to a boring problem มีนักโบราณคดีศึกษา ค้นพบว่า การทำการตลาดในอดีต มีการเขียนข้อความตามกำแพง เป็นโปสเตอร์หาเสียง ทำให้เกิดการวิเคราะห์กันว่า การสื่อสาร Marketing Communication เกิดมาตั้งแต่ Pompeii ผ่านมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2  

ผ่านมาช่วงยุค 80 งานโฆษณาเริ่มมีความคิดสร้างสรรค์เข้ามา เข้าสู่นักการตลาดต้องหาเครื่องมือใหม่ ๆ งาน Research เกิดขึ้น ทำ Consumer Research งานวิจัยพัฒนามาเป็นการขายสินค้าผ่าน Emotion เราเริ่มเห็นคุณค่าใหม่ ๆ ของสินค้า เลยต้องไปหาจุดได้เปรียบให้ คือความรู้สึกของลูกค้า โค้ก เป็น first in the Market การจะทำอย่างไรให้แบรนด์มาใหม่สู้แบรนด์มาก่อน มีการใช้พรีเซนเตอร์ จากนั้นมี เพิ่มขึ้น ทำให้มีพื้นที่ในการขายโฆษณา เริ่มมี Banner ต่าง ๆ ช่อง โฆษณา พออินเทอร์เน็ตเข้ามา นักโฆษณาใช้ตรงนี้ได้ การเข้ามาของ Data เวลามีผลกับการลงโฆษณา ทำให้รู้ผลแบบ Real time

จนกระทั่ง 2008 เริ่มมี Smart phone มี Application เมื่อคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ สิ่งที่มากมายไปกว่านั้น โทรศัพท์สามารถ Track พฤติกรรมเราได้ ส่งผลต่อการทำงานการตลาด ชีวิตของพวกเราในปัจจุบัน ต้องอยู่ภายใต้อุปกรณ์สมัยใหม่ โลกเปลี่ยนไปเป็นดิจิทัล การจ่ายเงินเป็นออนไลน์ทั้งสิ้น นักการตลาดต้องคำนึงถึง Data เพื่อศึกษาข้อมูลของผู้บริโภค

Leader Transformation

Story สำคัญมาก แชร์เรื่องราวที่ผู้นำต้องมี ถ้ามีติดตัวไว้ได้ใช้แน่นอน สิ่งที่ผู้นำควรมี คือ การรู้ตัวตนว่าเราเป็นใคร การมีเป้าหมาย ที่สามารถถ่ายทอดให้กับคนในองค์กรได้ ทำอย่างไรให้องค์กรมี Culture การมองตัวเองเป็นอย่างไร องค์กรของเรามีคนเข้าใจเป้าหมายขององค์กร และพร้อมเดินไปด้วยกัน การสร้างเรื่องราวให้มีความน่าสนใจ อาจเริ่มจากเปลี่ยนวิธีคิดที่ต้องแข่งเรื่องฟีเจอร์ พยายามทำให้เห็น Solution ของชีวิต มองเห็นเป้าหมายเพื่อไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าผู้นำมีพร้อมในสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าสามารถพัฒนาองค์กรให้เติบโตไปได้

ในช่วงสุดท้าย ได้รับเกียรติจาก คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) บรรยายหัวข้อ “Deciphering the Success of Entrepreneurs”

ธุรกิจเติบโต กับการรับมือเมื่อเจอกับวิกฤติ

ผมเติบโตจากการ SME พัฒนาตัวเองมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เพราะบริษัทขนาดเล็กในประเทศนี้เติบโตได้ลำบาก ผมเติบโตจากธุรกิจห้องแถวเล็ก ๆ ไม่เคยเป็นลูกจ้างใครเลย ตอนมาตั้งบริษัทเป็นความฝัน ธุรกิจเล็ก ๆ โตไม่ออก จนไปเรียนปริญญาโทที่ Nida ทำแผนธุรกิจเพื่อขอจบปริญญาโท ตอนนั้น E-commerce ยังเป็นเรื่องใหม่ คุณวรวุฒิเริ่มคิดจากการเป็นคู่ค้าออนไลน์ ทำผ่าน Catalog แต่จริง ๆ หลักคิดเป็นการขายผ่านสื่อ สร้าง Demand มา เพื่อให้สินค้าเดินไปหาลูกค้า ผ่านระบบ Delivery logistics อย่างในต่างประเทศ เกิดในยุคเศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำ ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ หาวิธีขายสินค้าโดยไม่ต้องผลิตไปวางตามเมืองต่าง ๆ อเมริกาคิดวิธีเอา Sales man รับออเดอร์ตามเมืองต่าง ๆ วิ่งไปเดือนนึงทำให้โรงงานผลิต ทำแบบนี้มา 80 ปี แล้วมาทำออนไลน์

แต่ในประเทศไทยยังไม่เคยมี คิดว่าเป็นจุดที่เราต้อง Educate ตลาดพอสมควร พอจบปริญญาโทมา ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้น ในช่วง 2 ปีแรกยังไม่มี Catalog โดยปีแรกยอดขาย 20 ล้านบาทต่อปี ผ่านมา 2 ปี สร้างยอดขาย 100 กว่าล้าน แต่มาเจอวิกฤติต้มยำกุ้ง เหลือรายได้เดือนละ 2 ล้าน เป็นการตกที่เจ็บหนัก เพราะเมื่อบริษัทโตขึ้นพนักงานเพิ่มขึ้น พนักงานในตอนนั้นประมาณ 90 คน ถือเป็นภาระที่หนักหน่วง เกือบเจ๊ง คุณวรวุฒิคิดว่าก่อนเจ๊ง ยังไม่ได้ทำ Catalog ที่เคยคิดไว้ จากนั้นได้เริ่มทำ โดยทุ่มทุกอย่างในชีวิต ขณะเดียวกันทำเว็บไซต์ E-commerce เป็นบริษัทแรกในไทยที่ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต ไปขายไอเดียให้ธนาคาร กลับมามียอดขายเดือนละ 10 กว่าล้าน ภายในเวลา 6 เดือน คำตอบที่ได้ คือ ต้องสร้าง Innovation ที่ตลาดต้องการ

อุตสาหกรรมเครื่องเขียนมีมากมาย แต่เป็นมดงานทั้งหมด ไม่มียักษ์ แต่เรามองว่ามี Scale ที่ทำได้มากกว่านั้น ประเทศไทยใช้เวลาในการ Educate ตลาด พยายามรวบรวมไอเดียจากญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา มาไว้ที่ออฟฟิศเมท คนไทยยังไม่กล้าซื้อผ่านบัตรเครดิตออนไลน์ เราเปลี่ยนเป็นจ่ายเงินปลายทาง ทำให้คนกล้าที่จะซื้อของมากขึ้น

บางคนคิดว่า Catalog ไม่ใช่แค่ Catalog นวัตกรรม ออฟฟิศเมท คือ Business Model ต้นทุนในการผลิต Catalog สูง ใช้วิธี Supplier มาจ่ายเงินให้เรา ผมไปขายให้ Supplier มากมาย Catalog จะอยู่ถูกคนถูกที่ ถึงคนที่มีอำนาจตัดสินใจซื้อเสมอ “Right person Right time Right palce”

คุณวรวุฒิ ใช้วิธีแจก Catalog ฟรี บอก Supplier ว่าสินค้าใน Catalog มีโอกาสสั่งซื้อ สามารถขายได้แน่ ๆ ทำให้ Supplier ยอมจ่าย ถ้าเราไม่มีทุน Supplier เราไม่มีทางขายได้เลย เฉพาะการทำ Catalog ได้กำไรปีละ 80 ล้าน

ชีวิตไม่หมู ของพี่หมู วรวุฒิ อุ่นใจ

ตอนผมทำธุรกิจผมไม่เคยมั่นใจว่าทำแล้วจะถูกหรือไม่ หน้าที่ผมอย่างหนึ่ง คือ อะไรที่ผมผ่านมาแล้ว อยากมาแชร์ให้ SMEs ไทย ว่าผมเจออะไร แก้ปัญหาอย่างไร วิกฤติเกิดขึ้นมาตลอด ทั้งน้ำท่วมใหญ่ วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ช่วงวิกฤติเราจะพยายามมากกว่าเดิมหลายเท่า เราต้องใช้กระบวนท่าพิสดาร ถ้าใช้วิธีปกติในการตอบโต้ ไม่มีทางรอด ต้องเป็น Innovation ที่ตลาดต้องการ

Tructure การสร้างโอกาส จาก Step เริ่มต้นสู่รายได้หมื่นล้าน

ตอนที่ตั้งบริษัทสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเราบริษัทเล็ก ไม่มีทางมีลูกน้องที่เก่ง ไม่มีทางบริหารได้อย่างเป็นระบบ ผู้บริหารเป็นทั้งหมดทุกอย่าง รู้สึกว่าไม่ใช่การบริหาร เมื่อไหร่เราจะมี Manager ผมอยากได้คนที่มีประสบการณ์มากกว่า  6 ปี จบปริญญาโท เราถึงเรียกว่า 200 ล้านแรกเป็นช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ ในทีมอย่างต่ำต้องมีพนักงาน 4-5คน ต้องคำนวณถึงยอดขายต่อปี ทำให้สำเร็จลุล่วงโดยผู้อื่น ไม่ใช่เราไปสร้างเอง ชีวิตยังไม่เริ่มต้นถ้ายังไม่ถึง 200 ล้าน 200 ถึง 1,000 เป็นช่วงบริการธุรกิจ 1,000 ล้าน เป็นช่วงการเติบโตแบบยั่งยืน เพราะผมฝันใหญ่มาก ใช้เวลา 15 ปีทะลุ 1,000 ล้าน ผมเพิ่งคิดว่านี่แค่เริ่มต้น แค่เล็กมากเมื่อเทียบบริษัทระดับโลก เราคิดว่าเราต้องเป็นมหาชน

ยกตัวอย่าง ถ้าต้องส่งของให้ลูกค้า สั่งมา 100 ยอด ต้องส่งอย่างน้อยได้ 99 ยอด KPI ของเราคือ 99% ถ้าเราทำได้ถึงจุดนี้ ทำให้ไม่ต้องกลัวรายใดในโลก ตั้งแต่มีออฟฟิศเมทมีมา ไม่ได้มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาแข่ง เป็นวิธีคิดที่ทำให้โตได้ เป็นวิธีที่ทำให้ธุรกิจแข็งแรง โลกทุกวันนี้การแข่งขันมันเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง Landscape ของเทคโนโลยี ทำให้การแข่งขันเปลี่ยนไปในสิ้นเชิง อย่าคิดว่าเราแข็งแรงภายในประเทศแล้วอยู่ได้ไปตลอด

การเป็นผู้นำ ที่ต้องบริหารเรื่องคน งาน เงิน

คุณวรวุฒิกล่าวว่า ยอดขายและกำไร เป็นพ่อของทุกสถาบัน ถ้าไม่มียอดขายไม่มีกำไร โอกาสในการเติบโตเป็นไปได้ยาก ระบบการทำงาน Workflow สำคัญมาก ออฟฟิศเมทมีโปรแกรมเมอร์ IT 100 กว่าคน ผมไม่รู้เรื่อง IT แต่ผมใช้ลูกน้องเป็น และรู้ว่า Computer ใช้อะไรได้บ้าง จะไปหาคนทำเป็นมาช่วยคุณ ที่ยากไปกว่านั้นคือการเอาคนเก่งมาเป็นลูกน้องคุณ เป็นเรื่องยาก อันนี้คือความท้าทายของ Leadership

การที่เราจะ Lead องค์กร และให้เขาเดินทาง คุณต้องมีภาวะการเป็นผู้นำ โดยไม่ได้มาด้วยตำแหน่ง มาด้วยนามสกุล แต่มาด้วย Respect Leadership ที่ดี คือคำตอบของการบริหารจัดการทั้งหมด ในวิธีการเลือกคู่ค้าเลือกจากอะไร ให้บริษัทเติบโตได้ และการวางกลยุทธ์อย่างไรให้คนเติบโตได้

คืออันดับแรก เรื่องคน การเป็นผู้บริหาร เรื่องคนผมไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้ดีตลอด ลูกน้องมีความดีจากตัวเอง แต่สิ่งที่จำเป็นต้องมี คือคุณต้องเป็นโค้ชและเป็นเทรนเนอร์ได้ดี แต่ทำอย่างไรทำให้เขามีศักยภาพสูงสุดที่เขามีได้ คือการเป็นโค้ชในการสอนลูกน้อง

ผมให้เกียรติพนักงาน เป็นผู้ร่วมงานไม่ใช่ลูกน้อง ให้ความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้อง ลูกน้องจะรู้บริษัทกำลังทำอะไร เป็นบริษัทที่มีความทุ่มเท สิ่งที่เราทำให้กับเขาไม่ต้องร้องขอ พอเขามั่นใจว่าบริษัทเป็นแบบนี้ เขาจะรักองค์กร ทำอย่างไรถึงทำให้รู้ว่าบริษัทรักเขา เดี๋ยวความรักองค์กรจะมาเอง ถ้าทำแล้วเขาไม่รักก็ช่างมัน อย่าไปเสียดาย อย่าไปท้อ

สิ่งหนึ่งที่เราจับตา คือการชินกับภาพเดิม ๆ ไม่นึกถึงการเปลี่ยนแปลง ถ้ารู้สึกว่าโต๊ะทำงานเหมือนเดิม วิธีการทำงานเหมือนเดิม เริ่มเข้าสู่อันตรายแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่องค์กรเติบโต วิธีการต้องปรับเปลี่ยน เปลี่ยนไปตาม Scale ที่ใหญ่ขึ้น ฉะนั้นต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน

PLP’s Talk

หลักสูตร The Pinnacle Leadership Program ยังมีกิจกรรม PLP’s Talk ที่ให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มได้มาแบ่งปันประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ และให้คนได้รู้จักกันมากขึ้น ในวันนี้แต่ละกลุ่มได้ส่งตัวแทนนักธุรกิจตัวจริงมาเล่าแบ่งปันประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็น คุณประกาศิต ทิตาราม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิตาราม คอนซัลแตนท์ จำกัด, คุณอัครเดช จันทรเดช Financial Advisor and Co-founder Yak Green Co.,Ltd., คุณวิโรจน์ เทพบุตร ผู้อำนวยการศูนย์บริการสื่อและสิ่งพิมพ์กราฟิกไซต์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, คุณจิตรวลัย สันติวัฒนา ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจอาหาร บริษัทน้ำมันบริโภคไทย จำกัด ซึ่งทั้ง 4 ท่าน ได้มาร่วมแบ่งปันเรื่องราว และประสบการณ์สุดล้ำค่าที่หาฟังได้ใน PLP เท่านั้น

ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่

Website : Thepinnacle, DurianCorp

Facebook : The Pinnacle Leadership Program , DurianCorp

#ThePinnacleLeadershipProgram #PLP

#SDUXDURIAN #SDU

#วรวุฒิอุ่นใจ #ออฟฟิศเมท #ซีโอแอล

#โอฬาวีระนนท์ #DURIAN #Becomealegendaryleader

#ประณมถาวรเวช #จอนห์นโรเบิร์ตเพาเวอร์ส

#สุธีรพันธุ์สักรวัตร #SCBX