News
ถ้อยแถลงข่าวร่วม ภายหลัง การเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทย
Published
3 ปี agoon
หลังจากเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย
ได้พบปะหารือร่วม จนเกิดเป็น “ถ้อยแถลงข่าวร่วม การเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
ของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย” โดยมีสาระสำคัญดังนี้
๑. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แห่งราชอาณาจักรไทยได้เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๕
ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด
(His Royal Highness Prince Mohammad bin Salman bin Abdulaziz Al Saud)
มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
๒. มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี
แห่งราชอาณาจักรไทย และทั้งสองฝ่ายได้ประชุมหารืออย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่าย
ได้ยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการสะสางประเด็นที่คั่งค้างทั้งหมด ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย
และปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ
ทั้งสองฝ่าย ยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตร
ของสองราชอาณาจักร และการเปิดศักราชใหม่ ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย
นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ย้ำว่า ไทย ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสัมพันธ์ฉันมิตร
กับซาอุดีอาระเบีย และแสดงความเสียใจยิ่ง ต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๒ – ๒๕๓๓ (ค.ศ. ๑๙๘๙ – ๑๙๙๐)
นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยืนยันว่า ไทยได้พยายามอย่างที่สุดแล้วในการสะสางกรณีต่าง ๆ
และหากมีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพิจารณา
นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของไทย ในการให้ความคุ้มครองที่เหมาะสม
แก่บุคคลในคณะผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียที่กรุงเทพฯ
ตามอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางทูต ปี ค.ศ. ๑๙๖๑
ทั้งสองฝ่ายยังได้ยืนยันความมุ่งมั่น ในการดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลความปลอดภัย
ของคนชาติของกันและกันในแต่ละประเทศ
๓. ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศต่าง ๆ
และได้หารือถึงแนวทางในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกสาขา ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้อง
ที่จะเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์และการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ของแต่ละฝ่ายเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี เพื่อประโยชน์ร่วมกันของราชอาณาจักรทั้งสอง
๔. โดยคำนึงถึงจิตวิญญาณของความร่วมมือและ ความตั้งใจร่วมกันเพื่อฟื้นฟูมิตรภาพ
และความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองราชอาณาจักรและประชาชน ภายใต้การนำและพระราชวิสัยทัศน์
อันเข้มแข็งของผู้พิทักษ์ สองมหามัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์
สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด
(His Majesty King Salman bin Abdulaziz Al Saud) และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักร
ซาอุดีอาระเบีย และวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันให้ปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์
ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากความพยายามในหลายระดับของทั้งสองฝ่าย
ที่มีมาอย่างยาวนานเพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน
๕. ทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องกับขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ ที่จะดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคี
ซึ่งรวมถึงการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำเมืองหลวงของทั้งสองประเทศในอนาคตอันใกล้
และการจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี การติดต่อประสานงาน
อย่างเต็มที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพื่อหารือความร่วมมือทวิภาคี
ในสาขายุทธศาสตร์ที่สำคัญ
๖. ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทาง ในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ ด้านเศรษฐกิจและการค้า
ระหว่างสองราชอาณาจักร โดยการแสวงหาโอกาสในด้านการลงทุนและอื่น ๆ
ในบริบทของวิสัยทัศน์ ค.ศ. ๒๐๓๐ ของซาอุดีอาระเบียและ วาระการพัฒนาแห่งชาติของไทย
กล่าวคือ นโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว
(Bio – Circular – Green Economy) ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะแสวงหาความร่วมมือ
ในสาขาใหม่ ๆ อาทิ พลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนา
และความมั่นคงทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริม
ความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่าง
ทั้งสองราชอาณาจักร รวมทั้งการส่งเสริมการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างศาสนาและพหุวัฒนธรรม
๗. ทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันในองค์การและเวทีระหว่างประเทศ
และเน้นย้ำความสำคัญของการยึดมั่นของทุกประเทศต่อกฎบัตรสหประชาชาติ
บรรทัดฐานระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี การเคารพในบูรณภาพ
แห่งดินแดนและอธิปไตย การไม่แทรกแซงกิจการภายใน และการระงับข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี
ทั้งสองฝ่าย ยินดีกับบทบาทที่สร้างสรรค์ ของกันและกันในแต่ละภูมิภาค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทที่สำคัญของไทยในอาเซียน และบทบาทนำของซาอุดีอาระเบีย
ในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความมั่นคง และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา
๘. นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยได้แสดงความยินดีกับซาอุดีอาระเบียสำหรับความสำเร็จ
ในการเป็นเจ้าภาพและการจัดการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ซึ่งได้ส่งผลเชิงบวกในหลายด้าน
เช่น เศรษฐกิจ การพัฒนา สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข พลังงาน เป็นต้น
มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงแสดงความมั่นใจว่า การเป็นเจ้าภาพ
กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC)
และการประชุมกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล สําหรับความร่วมมือหลากหลายสาขา
ทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral
Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC)
ในปี ๒๕๖๕ ของไทยจะประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติบโตที่ยั่งยืน
สมดุลและมีส่วนร่วมของเศรษฐกิจของภูมิภาคและของโลก
ในยุคหลังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
๙. นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักร ไทยยินดีกับกับข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว
และตะวันออกกลางสีเขียว ที่ริเริ่มโดยมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
รวมถึงชื่นชมบทบาทนำของซาอุดีอาระเบียในประเด็นระหว่างประเทศร่วมกันต่าง ๆ
ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และผลกระทบเชิงบวกต่อภูมิภาคและประชาชน มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
ทรงชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของไทย
ซึ่งมุ่งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ แปลงขยะให้กลายเป็นความมั่งคั่ง
ฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
๑๐. ในช่วงท้ายของการเยือน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แสดงความสำนึก
ในพระมหากรุณาธิคุณของผู้พิทักษ์สองมหามัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์
สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด
และมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และ ได้ถวายพระพรชัยมงคล
แด่ทั้งสองพระองค์ให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ และขออวยพรให้ ประชาชนชาวซาอุดีอาระเบีย
มีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง
มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้ถวายพระพรชัยมงคล
แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์และทรงพระเจริญ
และทรงอำนวยพรให้นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยมีสุขภาพดีและประสบความสุขสวัสดี
และทรงอำนวยพรให้ประชาชนชาวไทยมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แห่งราชอาณาจักรไทย เยี่ยมชม At-Turaif ย่านประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใน Al-Dir’iyah
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงริยาดเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
ของซาอุดิอาระเบีย เป็นถิ่นฐานบ้านเดิมของ ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
ข้อมูลจาก กระทรวงการต่างประเทศ
ถ้อยแถลงข่าวร่วม การเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย – กระทรวงการต่างประเทศ (mfa.go.th)
ภาพจาก
SPAENG (@Spa_Eng) / Twitter