ประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็น ศูนย์กลางโลจิสติกส์และการค้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังเป็น ผู้นำในด้านเศรษฐกิจสีเขียวและความยั่งยืน ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ ด้วยทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และนโยบายที่สนับสนุนพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียน ไทยกำลังก้าวขึ้นเป็น “ประตูสู่ภูมิภาคที่ยั่งยืน” ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์การลงทุนของโลกอนาคต
มิติภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ไทยคือจุดเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก
จากมุมมองเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ไทยถือเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาคระหว่างอาเซียน จีน และอินเดีย ซึ่งเป็นสามตลาดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในโลก เส้นทางคมนาคมสำคัญ เช่น โครงการระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) และระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) ช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าทางบก ขณะที่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ทำให้ไทยกลายเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของ เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative: BRI)
นอกจากนี้ ไทยยังมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เช่น RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) และ ACMECS ซึ่งช่วยสร้างเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การเป็นประตูสู่ภูมิภาคที่ยั่งยืนของไทยจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางที่ดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศ และเป็นผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางพลังงาน การลดคาร์บอน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การเป็น Gateway to ASEAN ของไทยไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการค้า แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ไทยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 287.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 (World Bank) คิดเป็นสัดส่วน 68% ของ GDP ซึ่งสะท้อนว่าไทยมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าและมีความสามารถแข่งขันสูงในเวทีโลก อุตสาหกรรมส่งออกหลัก ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากการเป็นศูนย์กลางการค้าในอาเซียน
ไทยยังเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ช่วยลดต้นทุนการขนส่งในระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ต้นทุนโลจิสติกส์ของไทยอยู่ที่ 13.8% ของ GDP ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียน (ประมาณ 15%) และมีแนวโน้มลดลงอีกหลังจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (EEC) และท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าภายในประเทศและการส่งออกไปยังตลาดโลกทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไทยเป็นจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อันดับต้นในอาเซียน โดยในปี 2023 ประเทศไทยมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงถึง 11.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (BOI) โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech), และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลไทยและสิทธิประโยชน์จาก BOI ที่ช่วยดึงดูดบริษัทระดับโลก เช่น BYD, Tesla, และ Google Cloud ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ
เศรษฐกิจสีเขียวของไทยกำลังขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลของ กระทรวงพลังงานไทย การลงทุนด้านพลังงานสะอาดในปี 2023 สูงถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 45% จากปี 2020 การเติบโตนี้สะท้อนถึงความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน รวมถึงนโยบายภาครัฐที่ให้สิทธิพิเศษทางภาษีเพื่อดึงดูดนักลงทุนด้านพลังงานทดแทน
ตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามรายงานของ Thailand Greenhouse Gas Management Organization (TGO) ตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยมีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในรอบ 5 ปี สิ่งนี้สะท้อนถึงการปรับตัวของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสู่แนวทาง Net Zero ซึ่งช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกที่มีข้อกำหนดด้าน ESG ที่เข้มงวดขึ้น
เศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ไทยตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2035 โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิล วัสดุชีวภาพ และพลังงานชีวภาพ ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว (Thailand Green Economy Office) ชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมรีไซเคิลและพลังงานชีวภาพของไทยเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการเติบโตสูงสุดในอาเซียน
ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางของเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยีสะอาด และนวัตกรรมแห่งอนาคต ด้วย ทำเลยุทธศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และ นโยบายสนับสนุน ESG และพลังงานสะอาด นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจว่าไทยคือ “ประตูสู่ภูมิภาคที่ยั่งยืน” และเป็น จุดหมายปลายทางที่ใช่ สำหรับการลงทุนระยะยาว
สอบถามการเข้าร่วมงานหรือติดต่อเข้าร่วมคอมมูนิตี้ธุรกิจจาก O2O
เข้าร่วมคอมมูนิตี้ของเรา
Website : o2oforum
Facebook : o2oforum
Community : o2oforum
Line : @o2oforum
Subscribe : o2oforum
Tel : 0970344225, 0970347554, 0970343220