Connect with us

Sports

ควอน ซุนวู นักเทนนิส เกาหลีใต้ เกิดอาการหัวร้อน หลังพ่ายนักเทนนิสไทย ไล่ฟาดแร็คเก็ตของตัวเองพังยับ

Published

on

แถมปฏิเสธการจับมือหลังเกมส์ กับนักเทนนิสไทย

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 มีประเด็นร้อน ในศึกกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 หรือ “หางโจวเกมส์” ที่ประเทศจีน ในการแข่งขันกีฬาเทนนิส ชายเดี่ยว ระหว่างควอน ซุนวู (Kwon Soon-woo) นักเทนนิสทีมชาติเกาหลีใต้และกษิดิศ สำเร็จ หรือ “บูม” นักเทนนิสทีมชาติไทย

หลังจากที่ “บูม” กษิดิศ นักเทนนิสชาวไทย วัย 22 ปี มือวางอันดับ 636 ของโลก ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พลิกล็อคเอาชนะ ควอน ซุนวู นักหวดลูกสักหลาด มือ 112 ของโลก จากเกาหลีใต้ ไปได้ 2-1 เซต ด้วยสกอร์ 6-3, 5-7 และ 6-4 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายได้สำเร็จ

แต่เมื่อ “บูม-กษิดิศ” สามารถปิดเกมส์เสิร์ฟของตัวเองและสามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ ปรากฎว่านักเทนนิสจากเกาหลีใต้ เกิดฟิวส์ขาด แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างออกนอกหน้า ไล่ฟาดแร็คเก็ตของตัวเองกับพื้นสนาม และเก้าอี้ม้านั่งข้างสนาม จนพังยับเยิน รวมไปถึงปฏิเสธการจับมือกับนักหวดวัย 22 ปีของไทย จนโดนโห่จากผู้ชมในสนาม

ควอน ซุนวู เป็นนักเทนนิสชื่อดังของเกาหลีใต้ เคยทำอันดับไต่ไปถึง 52 ของโลก เจ้าตัวได้รับการคาดหมายว่าเป็นเต็ง 4 ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์หนนี้ เคยคว้าแชมป์เทนนิสระดับอาชีพไปแล้ว 10 ครั้ง แต่ก็มีข่าวว่า เจ้าตัวมักจะอารมณ์เสีย และแสดงอาการฉุนเฉียว รวมถึงทุบทำลายแร็คเก็ตของตัวเองอยู่บ่อยครััง

ล่าสุด นายวิเชษฐ์ ทีปกากร ผู้จัดการทีมเทนนิสไทย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 กันยายน 2566 ก่อนเริ่มการแข่งขัน ทางนักกีฬาเทนนิสของเกาหลีใต้พร้อมด้วยทีมงาน ได้เข้ามากล่าวคำขอโทษกับนักกีฬาเทนนิสไทยและทีมงานสต๊าฟโค้ช ซึ่งนายวิเชษฐ์ และนายธนากร ศรีชาพันธุ์ ผู้ฝึกสอนทีมชาย, นายพชรพล คำสมาน ผู้ฝึกสอนทีมหญิง, นายวิทยา สำเร็จ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน พร้อมด้วยนักกีฬา ได้รับคำขอโทษดังกล่าว

ในโอกาสนี้ ทีมเทนนิสเกาหลีใต้ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยตัวแทนของนักเทนนิสทีมชาติไทยระบุว่า ทีมไทยไม่ได้ติดใจอะไร และยืนยันว่าไทยกับเกาหลีใต้มีมิตรภาพที่ดีต่อกันเสมอ โดยกษิดิศ สำเร็จ กับ ควอน ซุนวู ได้จับมือแสดงความเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันด้วย

ขอบคุณภาพประกอบจาก สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: