สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทำแสบ แม้จะโดนแมนซิตี้ขึ้นนำไปก่อน แต่ฮึดสู้จนไล่ตามมาเอาชนะได้ในที่สุด ทำให้เจ้าบ้านแมนเชสเตอร์ ชิตี้ พลาดโอกาสฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในบ้านไปอย่างน่าเสียดาย
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นคู่ บิ๊กแมตซ์ ระหว่าง จ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้าน สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี ทีมอันดับ 4 ของตาราง หาก “เรือใบสีฟ้า” เอาชนะได้ในเกมส์นัดนี้ ก็ถือว่าเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของฤดูกาลนี้อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเป็นการประลองเชิงกัน ก่อนที่ทั้งสองทีมจะเข้าไปเตะกันในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปลายเดือนนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือสมองเพชรของ แมนซิตี้ นัดนี้จัดทัพโดยพักผู้เล่นตัวหลักไปค่อนทีม โดยส่ง กาเบรียล เชซุส เป็นกองหน้าตัวเป้า มี ราฮีม สเตอร์ลิง, เซอร์คิโอ อเกโร่ และเฟอร์ราน ตอร์เรส คอนสนับสนุนเกมส์ในแดนกลาง
ส่วนทีม “สิงห์บลูส์” ของ โธมัส ทูเคิ่ล ถือว่าจัดทัพชุดใหญ่ลงต่อการกับแมนซิตี้ ส่งคริสเตียน พูลิซิช ลงมาล่าประตูร่วมกับ ติโม แวร์เนอร์
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งแรก เจ้าบ้านครองบอลทำเกมส์ได้ชัดเจนกว่า มีโอกาสเข้ายิงประตูทักทายนายทวารทีมเยือนหลายหน แต่ก็ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ เล่นกันไปจนเกือบจะหมดเวลาครึ่งแรก ในนาทีที่ 44 บอลโยนยาวมาจากแดนหลังของแมนซิตี้เข้าไปในแดนของเชลซี เกเบรียล เชซุส เบียดแย่งบอลกับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ก่อนจะจ่ายบอลเข้าไปที่หน้าประตู กุน อเกโร่ พักบอลกำลังเตรียมซัดประตู ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งโฉบเข้ามาซัดตูม จังหวะเดียว ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 และจากจังหวะเบียดแย่งบอลกันก่อนหน้านั้น ทำให้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น เกิดอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล จึงส่ง คูร์ต ซูม่า ลงมาเล่นแทนในนาที 45+2
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 45+3 บิลลี่ กิลมอร์ ทำฟาวล์ เกเบรียล เชซุส ทางด้านหลัง ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษแต่ เซอร์คิโอ อเกโร่ หลอกยิงด้วยลูกยิงแบบชิพบอล ปาเนนก้า แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ นายทวารของเชลซีไม่หลง จึงรับบอลไว้ได้แบบงงๆ แมนซิตี้พลาดโอกาสขึ้นนำห่าง จบครึ่งแรก แมนซิตี้ ขึ้นนำ เชลซี 1-0
เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งหลัง เจ้าบ้านยังเปิดฉากเดินเกมส์บุกเข้าใส่ทีมเยือน หวังประตูนำห่าง ทีมเยือนพยายามตั้งรับแบบรัดกุม มีโอกาสก็ทำเกมส์บุกสวนกลับใส่เจ้าถิ่น และความพยายามก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อ ฮาคิม ซิเย็ค รับบอลมาจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า พักบอลหนึ่งจังหวะก่อนซัดเต็มข้อ บอลพุ่งเบียดเสาแรกเข้าไป หมดสิทธ์ที่ เอแดร์ซอน จะป้องกัน เชลซีตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 63
เมื่อตีเสมอได้เชลซีก็ครองบอลเข้าไปทำเกมส์บุกได้มากขึ้น มีโอกาสเข้าไปสร้างความกดดันให้เจ้าบ้านจนไม่สามารถเล่นบอลตามเกมส์ที่ถนัด จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมส์ดูเหมือนจะจบลงเอยด้วยผลเสมอแบ่งแต้มกันไป แต่ทีมเยือนมาได้ประตูจากลูกยิงสุสวยของ มาร์กอส อลอนโซ่ ทำให้เมื่อจบเกมส์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องพ่ายคาบ้านให้แก่ เชลซี ไป 1-2 พลาดโอกาสฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ในบ้านของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย ส่วน เชลซี มีเพิ่มเป็น 64 แต้ม แซงขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตารางแทน เลสเตอร์ซิตี้
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ (3-3-3-1) ผู้จัดการทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า : เอแดร์ซอน โมราเอส – นาธาน อาเก้, รูเบน ดิอ๊าส, อายเมริค ลาปอร์ต – ชูเอา กานเซโล่, โรดรี้, แบงฌาแมง เมนดี้ (อเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.80) – เฟอร์ราน ตอร์เรส (อิลคาย กุนโดกัน น.71), เซอร์คิโอ “กุน” อเกโร่ (ฟิล โฟเด้น น.70), ราฮีม สเตอร์ลิง – เกเบรียล เชซุส
เชลซี (3-4-2-1) ผู้จัดการทีม โธมัส ทูเคิ่ล : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น (คูร์ต ซูม่า น.45+2), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – รีซ เจมส์, เอนโกโล่ ก็องเต้ (จอร์จินโญ่ น.68), บิลลี่ กิลมอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ – ฮาคิม ซิเย็ค (คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย น.76), คริสเตียน พูลิซิช – ติโม แวร์เนอร์
ผู้ตัดสินในสนาม : แอนโธนี่ เทย์เลอร์
You must be logged in to post a comment Login