Connect with us

Sports

แมนซิตี้ฯ เฉือนเอาชนะ สเปอร์ แบบหืดจับ 1-0 คว้าแชมป์คาราบาวคัพเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

Published

on

อายเมอริค ลาปอร์ต์ โหม่งประตูชัยในช่วงท้ายเกมส์พาทีม”เรือใบสีฟ้า” เฉือนเอาชนะ สเปอร์ส แบบหืดจับ 1-0 แมนฯซิตี้ สร้างสถิติผงาดคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

ศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ 7 สมัยพบกับ สเปอร์ส แชมป์ 5 สมัย ซึ่งเพิ่งกลับมาเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี หลังจากพาทีมคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 3 สมัย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือสมองเพชรของ เรือใบสีฟ้า ลุ้นทำให้ทีมได้แชมป์เป็นรายการนี้ 4 สมัยติดต่อกันเพื่อทำสถิติคว้าแชมป์รายการนี้ เป้นสมัยที่ 8 เท่ากับ “หงส์แดง” เกมส์นี้จึงจัดทัพชุดใหญ่ส่งเควิน เดอ บรอยน์ ลงบัญชาเกมส์ในแดนกลางโดย มีสามประสานในแดนหน้าริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง และฟิล โฟเด้น ส่วน ทีมไก่เดือยทอง ไรอัน เมสัน ผู้จัดการทีมวัย 29 ปี กุนซือจำเป็นที่ทีมบริหารส่งมาทำหน้าที่แทน โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมนัดนี้เป็นนัดที่สอง ก็ขนชุดใหญ่ลงสนาม ได้ทั้ง แฮร์รี่ เคน ลูคัส มูร่า และ ซง เฮือง มิน ลงสนามทำเกมส์บุกในแดนหน้าพร้อมกัน

บรรยากาศในชัดชิงชนะเลิศครั้งนี้ดูคึกคักขึ้นทันตา เมื่อสมคมฟุตบอลอังกฤษได้อนุญาตให้แฟนบอลเข้ามาชมเกมส์ในแบบจำกัดจำนวน 8,000 คน โดยแฟนบอลของทั้งสองทีมต้องทำตามมาตราการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19

ภาพจาก https://twitter.com/DeBruyneKev/status/1386381131369652230?s=20

เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งแรก ทีมเรือใบสีฟ้าก็เปิดฉากทำเกมส์บุกเข้าใส่ มีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมส์จากลูกยิงของฟิล โฟเด้น แมนซิตี้ทำเกมส์บุกจนสเปอร์แทบจะไม่มีโอกาสได้จับบอล สร้างโอากาสเข้าไปทำประตูทั้งจากราฮีม สเตอร์ลิง ริยาด มาห์เรซ ชูเอา กันเซโล่ โดยเฉพาะราฮีม สเตอร์ลิง ที่มีโอกาสยิงประตูมากกว่าใคร แต่ก็ไม่สามารถส่บอลเข้าประตู อูโก้ โยริส นายทวารของไก่เดือยทอง ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ป้องกันลูกยิงเอาไว้ได้หมด ทำให้จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และสเปอร์ส ยังเสมอกันอยู่ 0-0

ภาพจาก https://twitter.com/SpursOfficial/status/1386361086379761666?s=20

เริ่มต้นเกมส์ในครึ่งหลัง สเปอร์ มีโอกาสทำเกมส์บุกขึ้นมาบ้าง มีโอกาสเข้าไปยิงประตูจากโจวานี่ โล เซลโซ่ แต่แซ็ค สเตฟเฟ่น นายทวารมือสองของ”ทีมเรือใบ”ปัดออกไปได้ จากนั้นก็เป็นโอกาสของแมนซิตี้ฯที่เปิดเกมส์บุกเข้าใส่สเปอร์อีกครั้ง กดดันจนแทบไม่ได้เล่นบอล สเปอร์ต้องส่งแกเร็ธ เบล ลงมาช่วยเปลี่ยนเกมส์ในนาทีที่ 67 แต่เกมส์ก็ยังไม่ดีขึ้น ทีมเรือใบสีฟ้ายังเดินหน้าบุกแหลกเรียกว่าพับสนามบุก ดาหน้ากันเข้าไปทำประตูทั้งแฟร์นันดินโญ่ กุนโดกัน ริยาด มาห์เรซ แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูขึ้นนำสเปอร์ได้ จนเกมส์เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย บทจะได้ประตูก็ได้แบบง่ายๆ เมื่อเควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกนอกกรอบทางซ้ายใกล้ฝั่งมุมธงเข้ามากลางประตูอายเมอริค ลาปอร์ต์ เทคตัวขึ้นโหม่งส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายของสเปอร์ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 เวลาที่เหลือทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูกันได้เพิ่ม ทำให้เมื่อจบเกมส์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดเอาชนะ สเปอร์ส 1-0 ไปแบบหืดจับ ผงาดคว้าแชมป์คาราบาว คัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน และนับรวมเป็นสมัยที่ 8 ทำสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับ “หงส์แดง” ที่เคยทำได้ อีกทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ 4 สมัยติดต่อกันหลังจากที่บ็อบ เพรสลี่ย์ ตำนานกุนซือลิเวอร์พูล เคยทำไว้ได้ 3 สมัย

ภาพจาก https://twitter.com/DeBruyneKev/status/1386381131369652230?s=20
ภาพจาก https://twitter.com/ManCity/status/1386378937450868738?s=20

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

        แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า : แซ็ค สเตฟเฟ่น – ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอ๊าส, อายเมริค ลาปอร์กต์, ชูเอา กานเซโล่ – เควิน เดอ บรอยน์ (แบร์นาร์โด ซิลวา น.87), แฟร์นันดินโญ่ (โรดรี้ น.84), อิลคาย กุนโดกัน – ริยาด มาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเด้น    

        สเปอร์ส (4-2-3-1) ผู้จัดการทีม(รักษาการ) : ไรอัน เมสัน : อูโก้ โยริส – แซร์ช โอริเย่ร์ (สตีเว่น เบิร์กไวจ์น น.90), โทบี อัลเดอร์แวเรลด์, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ เรกีลอน – แฮร์รี่ วิงค์ส, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (เดเล่ อัลลี่ น.84), โจวานี่ โล เซลโซ่ (มูสซ่า ซิสโซโก้ น.67) – ลูคัส มูร่า (แกเร็ธ เบล น.67), แฮร์รี่ เคน, ซง เฮือง มิน

        ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์

 

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Click to comment

You must be logged in to post a comment Login

Leave a Reply

Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: