Connect with us

Sports

แบรนด์ นั้นหรือ คือลมกระซิบ

Published

on

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในย่อหน้าเล็กๆ ของสารบบฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งวังวนฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะมีนักเตะผู้จัดการทีมระดับจักรวาลแล้ว พวกเขายังมี “ผู้ผลิต” อุปกรณ์เสื้อผ้ารองเท้า กาลครั้งนั้นที่ยังไม่มีการเซ็นต์สัญญาพรีเซนเตอร์หลักร้อยล้าน ผู้เล่นส่วนมากได้รองเท้าไปใส่ฟรีบวกค่าเบียร์พอหอมปากหอมคอ และใครจะเชื่อบ้างว่า รองเท้าหลายๆ รุ่นในนั้น ใส่ดีจนเรานึกเสียดายที่มันล้มหายตายจาก

หากคุณเป็นดาวซัลโลประจำทีม คุณไม่มีทางเลือกมากนัก หนึ่งในนั้นคือ QUASER สตั๊ดหนึ่งไม่มีสองจากอังกฤษที่ “มิสเตอร์ไนซ์กาย” แกรี่ ลินิเกอร์ และ “ราชันต์หมาป่า” สตีฟ บูลล์ แห่งวูล์ฟเวอร์แฮมป์ตัน สวมเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ลงล่าตาข่าย ข้อดีคือทำจากหนังจิงโจ้ มันจึงเบาเหมือนเตะบอลเท้าเปล่า ซึ่งก็แลกมาด้วยข้อเสียอย่างเดียวนั่นคือ “แพงกว่าชาวบ้าน” ควอเซอร์ทนทายาทเพราะเย็บมือไม่ได้อัดกาว ใส่ยังไงก็ไม่พัง หนำซ้ำใส่ๆ ไปหนังจะขึ้นรูปเป็นทรงเดียวกับเท้า มันทั้งสวย ทั้งสะดุดตาไม่ซ้ำใคร ฟังดูเหมือนจะดี แต่ QUASER ก็หมดลมหายใจไปในปี 1992 เพราะต่อสู้กับตลาดที่ดุเดือดเลือดพล่านไม่ได้

ตอนที่เควิน คีแกน ย้ายจากลิเวอร์พูลไปฮัมบูร์ก เค้าไม่ได้เปลี่ยนทีมอย่างเดียวหากแต่เปลี่ยนรองเท้าด้วย ยอดกองหน้าจากอังกฤษสวม “พาทริก” ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ หลายๆ คนชอบคิดว่า Patrick เป็นแบรนด์ของฝรั่งเศสอาจจะเพราะ “นโปเลียนลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่ก็ใส่ยี่ห้อเดียวกัน จริงๆ มันมาจากผู้ผลิตสัญชาติเบลเยี่ยม ข้อดีของ “พาทริก” คือปรานีต ทรงสวย เนี๊ยบโคตรและเรียบง่าย ปุ่มถูกออกแบบมาเพื่อการทรงตัวมากกว่าออกตัวเร็ว ดังนั้น มันจึงเป็นสหายร่วมทัพบนพื้นหญ้าของมิดฟิล์ดเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ก็พอหาได้อยู่ครับ แต่กลายเป็นรองเท้าที่น่าเบื่อไปแล้ว

GOLA For Goal คือคำโฆษณาที่ไม่เกินสรรพคุณ พวกเขาไม่ได้พูดลอยๆ แต่กลับพกความเป็นวินเทจมาแบบเต็มอัตราศึก ลวดลายข้างรองเท้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1905 อันเป็นขวบปีแห่งการก่อตั้ง นักเตะสมัยก่อนใส่อย่างเป็นล่ำเป็นสัน รวมถึงเคยจ้างอดีตผู้จัดการทีมผีแดงป๋ารอน แอตกินสัน เป็นพรีเซ็นเตอร์ รองเท้าสตั๊ดของ GOLA ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าแรกที่ดีไซน์ปุ่มได้แปลกแหวกแนวกว่าเพื่อน คือแทนที่จะเป็นทรงกลม พวกเขาทำเป็นฟันเหมือนใบมีด สมัยเตะปี๊บดังผมเคยซื้อมาลองคู่นึง ผลปรากฏว่าหัวทิ่มครับ มันยึดพื้นอย่าง “หนึบ” ซึ่งคนใส่ต้องปรับตัวพักใหญ่เลย ตอนนี้ ? ไม่มีแล้วครับ พวกเขาหันไปเอาดีทางรองเท้าแฟชั่น ซึ่งนับวันยิ่งสาละวันเตี้ยลง

เมื่อโลกเหวี่ยงตัวมาถึงยุค 60s กาลสมัยที่สามเทพยังยึดโอล์ฟแทรฟฟอร์ดประหนึ่งสำนักงาน สามหนุ่มสามมุมเลือกใช้สตั๊ดกันไปสามแบบ ซึ่งทั้งสามรุ่นจัดเป็นตำนานแห่งความคลาสสิก จอร์จ เบส เทพบุตรลูกหนังผู้โปรดปรานเสื้อผ้าแพงระยับ รถสปอร์ตจากัวร์ สาวงาม และเชมเปญ ในสนามเขาสวม STYLO แถมปะลายเซ็นตัวเองลงไปด้วย

ความเจ๋งและไม่เหมือนใครในตลาดคือ รองเท้ารุ่นนี้จะร้อยเชือกที่ด้านข้างแทนที่จะเป็นด้านหน้า นัยว่าเพื่อการสัมผัสบอลแบบแนบชิดเพียงสองเรา เท่ห์ครับไม่เถียง รายต่อมา “ราชันต์สตั๊ดเหิรหาว” เดนิส ลอว์ สวม Mitre ซึ่งนอกจากจะผลิตรองเท้าแล้วพวกเขายังทำลูกฟุตบอลด้วย แถมซัดได้สนั่นเท้าดีแท้  Delta V คือลูกฟุตบอลที่อังกฤษใช้เตะแทบทุกสนามในยุค 80s ทุกวันนี้ยังเห็นประปรายในลีกที่ต่ำกว่าลีกสูงสุด ข้อดีของไมเตอร์ คือมันดีไซน์เพื่อปกป้องซ่นเท้าและเอ็นร้อยหวาย อันถือเป็นจุดละเอียอ่อนเจ็บกันเยอะ ส่วนบ๊อบบี้ ชาล์ลตัน เทพคนสุดท้ายใส่แบรนด์ตัวเองครับ ประมาณเรือล่มในหนอง

ทันทีที่โลกลูกหนังย่างสามขุมเข้าสู่ยุค 80’s ต้น โทรทัศน์ทำให้ฟุตบอลบูมไปทั่วโลก เมื่อนั้นรองเท้าสตั๊ดก็เดินทางไกลห่างจากจุดเริ่มต้นไปทุกขณะ “ส่วนแบ่งทางการตลาด” ทำให้การโฆษณาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และคุณจะเชื่อหรือไม่ว่า พรีเซนเตอร์รองเท้าฟุตบอลคนแรกจากผู้ผลิตยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกา กลับไม่ใช่นักฟุตบอล เค้าคนนั้นคือ เอียน โบแธ่ม ซึ่งเป็นนักคริกเก็ต .. ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไว้วันหลังผมจะมาเล่าให้ฟัง

บทความโดยภาสกร ประมูลวงศ์

เพื่อไม่พลาดบทความและข่าวสารดีๆอย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: