เอโก มาราโดนา พกพาความเป็นนักเตะอันดับหนึ่งของโลก, กัปตันทีมชาติแชมป์เก่า และ อาร์เจนตินา ที่คุณภาพนักเตะโดยรวมลดลง
ลูกทีมของ คาร์ลอส บิลาร์โด กำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนถ่าย พวกเค้าจึงแทบจะไม่รอดจากรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งยังดีที่ตอนนั้นมีการจัดหาทีมอันดับที่สามที่ผลงานดีผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ในรอบน็อคเอาท์ ชื่อของ เซร์คิโอ กอยโคเชีย กับ เคลาดิโอ คานิกเกีย จึงเริ่มมีบทบาทมาแบ่งเบาภาระภาระอันหนักของน้าเสือเตี้ยได้
ทีมฟ้าขาวจึงดีพอในการล้ม บราซิล ที่สภาพเละกว่า แล้วไปเอาชนะ ยูโกสลาเวีย ดาวรุ่งแห่งยุโรป จากนั้น คานิกเกีย ที่เตี้ยเกือบจะที่สุดในสนามกลับโหม่งประตูชัยเจ้าภาพในรอบรองชนะเลิศได้ จนต้องไปดวลจุดโทษตัดสิน
แต่ทีมชาติเยอรมันตะวันแดง แฮร่ เยอรมันตะวันตก แข็งแกร่ง และ มีดวงด้วยการได้จุดโทษสำคัญในช่วงท้ายเกม จนทำให้การตั้งรับแล้วฉวยโอกาสสู้ของแชมป์เก่าต้องน้ำตาตกในท้ายที่สุด
ดังนั้น 8 ประตูทอง กับ การแบกทีมมาเกือบทุกเกมของ คิเลียน เอ็มบัปเป โดยเฉพาะแฮตทริกในรอบชิงชนะเลิศกับอาร์เจนตินา จึงเป็นเหมือนการแบกทีมคล้ายๆ กับที่ มาราโดนา เคยทำเอาไว้เมื่อ 32 ปีที่แล้ว
ฝรั่งเศสมาในสภาพมือหนึ่งฟอร์มไม่ดีมากเท่าเดิม กองหลังสะระนองกองแกง กองกลางขาดทั้ง เอ็นโกโล กองเต กับ ปอล ป็อกบา และ ยังขาดกองหน้าบัลลงดอร์
นักเตะส่วนใหญ่ยังวัยหนุ่ม แม้จะได้ อองตวน กรีซมันน์ กลับมาได้สติ แถม โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยังกลับชาติมาเกิดได้ด้วย ฝรั่งเศสจึงลุ่มๆ ดอนๆ ผ่านรอบน็อคเอาท์มาได้เรื่อยๆ
การขาดสองกองกลางคนสำคัญไปทำให้ ดิดิเยร์ เดสชองส์ ไม่สามารถกำกับเกมได้อย่างใจเหมือน 4 ปีที่แล้ว เค้าต้องเน้นเกมรับมากกว่าปกติ แล้วอาศัยท่านประธานเป้บันดาลเกือบจะทุกสิ่งอย่างเกมรุกให้
ซึ่งมันดีพอสำหรับชนะโปแลนด์, อังกฤษ และ โมร็อกโก
แต่กับ อาร์เจนตินา ที่มาเพื่อคว้าแชมป์ และ ฟอร์มของลูกทีม เมสซี ทุกคนมาดีย์มว๊ากๆ ใน 80 นาทีแรกของเกม จังหวะการยิงของฝรั่งเศสจึงเป็นศูนย์ พอๆ กับสกอร์ 0-2 ชนิดถูกยำจนเอียน
แต่พอ เอ็มบัปเป จ่ายบอลเปลี่ยนเกมจนได้จุดโทษ จากนั้นมหัศจรรย์ของเค้าก้อกลับมาจนเป็นอย่างที่เห็น
เอมี มาร์ติเนซ อาจจะเป็นที่ขยะแขยงของคนยิงจุดโทษเกือบทุกคน แต่ในเกมเดียวนี้ เป้ของมิส ยิงไป 4 แถมยังเอาชนะสงครามประสาทจากจุดโทษได้ถึง 3 ครั้งเน้นๆ
แน่นวลค่ะว่าสุดท้าย เมสซี ชนะ เอ็มบัปเป แพ้
แต่ผลงานการแบกฝรั่งเศสจนได้ยิงจุดโทษตัดสิน คงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่าทำไม นาสเซอร์ อัลเคไลฟี ถึงต้องยอมทุกอย่างเพื่อให้เค้าอยู่ต่อกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
แล้วถ้าจะมีคนมาแซะเค้าว่าตอนอายุ 23 ปี เมสซี มี 3 บัลลงดอร์แล้ว แถมด้วย โรนัลโด ก้อทำได้ 1 ครั้ง
แต่ก้อต้องไม่ลืมว่าในยุคสมัยของ 2 GOATs นั้น มันขั้นสุดจริมๆ ค่ะ ดังนั้นการที่เอ็มบัปเป จะทำได้แค่ทำประตูมากกว่าในวัยเดียวกันชนิดหลายปีแสง ก้อต้องเข้าใจเช่นกันค่ะว่าเต็มที่แล้ว
รวมทั้งถ้าจะบอกว่าแชมป์ UCL ยังไม่เคยได้ และ เก่งแต่ที่ลีกเอิง ก้อต้องยอมรับเช่นกันว่าคำตอบใน 6 เกมกว่าๆ ที่ฟุตบอลโลก 2022 นั้นก้อโดดเด้งอย่างที่เกริ่นมา
แม้ว่าสิ่งที่อาร์เจนตินายุค 1990 จะงานยากกว่านิดเนิงก้อตามค่ะ แต่การสร้างตัวที่กาตาร์ของ เอ็มบัปเป ก้อเป็นเหมือนการบอกให้ GOAT ทั้งคู่ได้รู้ว่า
อำลาทีมชาติ และ วงการฟุตบอลให้สบาย แล้วผมจะรับรอยต่อให้เอง
บทความโดยมิสมาต้า
#เพื่อไม่พลาดบทความและข่าวสารดีๆอย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS