มิเชล พลาตินี – หลุยส์ เฟอร์นันเดซ – ฌอง ติกาน่า – อแลง จิเรส คือ ขุนพลกองกลาง 4 คนที่ดีที่สุดของโลกในช่วงกลางยุค 80s จนถูกขนานนามว่า “Magic square”
ตำนานทั้ง 4 คน คือ ความสมบูรณ์แบบที่ลงตัวของกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส หนึ่งในทีมชาติที่ดีที่สุดในโลกของยุคนั้น โดยเฉพาะ นโปเลียนลูกหนัง ที่คว้าไปถึง 3 บัลลงดอร์ติดต่อกัน
เพียงแค่ในยุคของสี่ตำนานกลายเป็นช่วงเวลาที่ทีมชาติตราไก่มีมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก แต่พวกเขากลับไม่มีกองหน้าที่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีเท่ากับกองหน้าของทีมในยุค90s, 2000s และ ในยุคปัจจุบันนี้
ทีมชาติฝรั่งเศสตอนนั้นจึงทำได้เพียงแค่อันดับสี่ฟุตบอลโลก 1982, แชมป์ฟุตบอลยูโร 1984 และ อันดับสามฟุตบอลโลก 1986 ทั้งที่สมควรคว้าแชมป์โลกอย่างน้อยสัก 1 ครั้ง จากปัญหาที่ยกภาระทุกอย่างมาไว้ที่กองกลาง
ส่วนทีมชาติฝรั่งเศสในต้นยุค90s ชุดที่มีแนวรุกระดับแนวหน้าของโลกอย่าง ฌอง ปีแอร์ ปาแปง - เอริก คันโตน่า – ดาวิด ชิโนล่า พวกเขากลับไม่มีกองกลางที่ลงตัวจนส่งเสริมเกมรุกได้มากพอ
จนทำให้ทีมชุดนั้นตกรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโร 1988, ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1990, ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลยูโร 1992 และ ตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994
จากนั้นทีมชาติชุดฟุตบอลยูโร 1996 ฝรั่งเศสได้มี ซีเนดีน ซีดาน กับ คริสติยง การอมเบอ กองกลางชุดใหม่ขึ้นมาช่วยงาน ดิดิเยร์ เดสชองส์ จนฟอร์มดีขึ้น แต่ก็กลับไปประสบปัญหากองหน้าปืนฝืดอีกครั้งจนไปได้ไม่ไกล
จนกระทั่งเข้าสู่ทีมชาติชุดฟุตบอลโลก 1998 เป็นต้นมา ยุคทองของ ซีดาน - เดสชองส์ - วิเอร่า กับเหล่ากองหน้าชั้นยอดอย่าง อองรี, อเนลกาส์, เทรเซเกต์ ฝรั่งเศสจึงยกระดับขึ้นมาเป็นทีมที่ดีที่สุดของโลกในสมัยนั้นได้นานนับ 10 ปี
จนเข้าสู่ยุคปี 2016 จนถึงฟุตบอลยูโร 2020 ความสมดุลของกองกลางกับกองหน้าที่มี ป็อกบา - กองเต้ – กรีซมันน์ - เบนเซม่า – ชิรูด์ และ เอ็มบัปเป้ ช่วยทำให้ฝรั่งเศสมีความลงตัวมากจนได้เป็นรองแชมป์ยูโร 2016 และ แชมป์โลก 2018
แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสมีกองกลางที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควรเพราะ ป็อกบา - กองเต้ นัดกันเจ็บ จนทำให้พวกเขากลายเป็นทีมนอกสายตาไปพอสมควร
โดยใน 6 เกมที่ผ่านมา ฝรั่งเศสครองบอลมากกว่าคู่แข่งเพียงแค่ 3 นัด ซึ่งล้วนป็นทีมที่ไม่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่
แต่กับทีมอย่าง เดนมาร์ก, อังกฤษ และ แม้กระทั่งทีมชาติโมร็อกโก ฝรั่งเศสครองเกมได้น้อยกว่า แล้วอาศัยความเหนียวแน่นในการตั้งรับยันคู่แข่งเอาไว้ก่อน
จากนั้นก็ใช้ความคล่องแคล่วของ เอ็มบัปเป้, ความแม่นยำของ กรีซมันน์ และ ความคมของ ชิรูด์ จนเอาชนะคู่แข่งได้อย่างไม่ง่ายเลย จนสุดท้ายพวกเขามาไกลถึงนัดชิงชนะเลิศได้ในที่สุด
แต่การแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นของ เดสชองส์ จะยังไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะทีมชาติอาร์เจนตินาตินาชุดนี้แข็งแกร่งมากกว่าทุกทีมที่พวกเขาผ่านมาได้
บทความโดยมิสมาต้า
#เพื่อไม่พลาดบทความและข่าวสารดีๆอย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS