Connect with us

Sports

เกาหลีใต้ทำได้แล้ว!!

Published

on

ธงพร้อมข้อความ “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ที่ผู้เล่นทีมชาติ​เกาหลีใต้​ชูอวดชาวโลกให้ได้รู้ว่า เกาหลีใต้ทำได้แล้ว หลังจากพลิกแซง ทีมชาติ​โปรตุเกส​ แบบสุดมันส์​

ทีมชาติ​เกาหลีใต้​ และ ทีมชาติ​ญี่ปุ่น ถูกมองว่าจะร่วงเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม​ของฟุตบอล​โลก​รอบ​สุดท้าย​ที่​กาตาร์

เกาหลีใต้​อยู่ในสายเดียวกับทีมเต็งอย่างโปรตุเกส​ ทีมแกร่งอย่างอุรุกวัย​ และ ของแข็ง​อย่างกานา

ญี่ปุ่น​หนักกว่า เพราะมีทั้งเยอรมัน, สเปน และ คู่แข่ง​ที่พอฟัดพอเหวี่ยง​กันอย่างคอสตาริกา

เช่นเดียวกับ ซาอุดิอาระเบีย, อิหร่าน, ออสเตรเลีย​ ที่มีคู่แข่งสุดหินร่วมกลุ่ม แต่ก็ยังดูเบากว่าสองชาติ​เจ้าภาพร่วม​ฟุตบอล​โลก​ 2002

สองเกมแรก เกาหลีใต้​ กับ ญี่ปุ่น​ ได้คะแนนสำคัญ​จากทีมที่แข็งแกร่งกว่า แต่กลับมาพลาดท่าให้กับทีมระดับใกล้เคียง​กัน​ในนัดที่สอง

โปรตุเกส​ กับ สเปน คือด่านสุดท้ายที่สองมหาอำนาจ​แห่งเอเชียตัองเผชิญหน้า​

แต่สุดท้าย ความพยายาม, ความมุ่งมั่น​ ความพร้อม และ จังหวะของเกม ทำให้ทั้งสองชาติผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบสะใจในฐานะบอลรอง

ประโยคที่ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จึงถูกชูธงขึ้นมาเพื่อบอกว่าความพยายามนั้นไม่สูญเปล่า และ คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับการลงทุน

หลายคนจึงมองไปถึงคำคมของชาวไทยที่ว่า “ความพยายาม​อยู่ที่ไหน ความสำเร็จ​อยู่ที่นั่น” ที่ได้ถูกหยิบขึ้นมาพร้อมกับความมุ่งหวังของหลายคนที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอล​ไทย หลังได้เห็นต้นแบบที่ควรค่าเจริญ​รอยตาม จนพากันออกมาตั้งต้นไปฟุตบอล​โลก​อีกครั้ง

หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าความพยายาม​คือสิ่งที่ดี แต่ความพยายามเหล่านั้นจะสำเร็จ​ได้ก็ต้องมีหลายองค์​ประกอบร่วม

ความร่วมมือ

ความทุ่มเท

พลังเงิน

เทคโนโลยี

ผู้รู้

ผู้สันทัด

ความอดทน

และ ความจริงใจ

ซึ่งทุกชาติที่ได้ไปฟุตบอล​โลก​รอบ​สุดท้าย​ในยุคฟุตบอล​โลกสมัยใหม่ จึงไม่ได้มีเพียงแค่คยามพยายามที่ไร้ทิศทาง​

หากแต่เป็นความพยายามที่มาพร้อมกับทุกสรรพสิ่ง​ที่ส่งเสริม​จนความพยายาม​นั้นสำเร็จ​ จนสามารถเรียกได้ว่า

“ความพยายามที่พร้อมสรรพ​อยู่ที่ไหน ความเป็นไปไม่ได้อยู่ที่นั่น”

วงเล็บ​ว่าถ้าอีกฝ่ายมามากกว่า ก้อเสร็จ​เค้าไป

#มิสมาต้า

#เพื่อไม่พลาดบทความและข่าวสารดีๆอย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS

Continue Reading
Advertisement ad-02-doosoft.jpg
Advertisement QK6ZtN.png

Copyright © 2022 TOJO.NEWS

%d bloggers like this: